[article] ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเปลี่ยนโลกในอนาคต

 
 
 
       ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) คำนี้ช่วงที่ผ่านมาเราจะได้ยิน  Elon Musk พูดอยู่บ่อยๆ เขาเชื่อว่าวันหนึ่งในอนาคต มนุษย์ กับ AI ควรจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แนวคิดนี้เป็นความคิดของเขามานานแล้ว ซึ่ง Elon Musk คือคนที่อยู่กับการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้มาตลอดชีวิต และใครหลายคนก็เชื่ออย่างนั้น

       ในปัจจุบันนี้ก็คือเรื่องของ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่จะทำให้หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรมีความสามารถคิดวิเคราะห์และตัดสินใจได้ด้วยตนเอง เพื่อให้มันสามารถเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์ในด้านต่าง ๆ แน่นอนว่าแนวคิดนั้นจะต้องดูดี
เพราะมันจะสามารถใช้ทนแทนมนุษย์ในงานที่มีความเสี่ยง และมันมีขุมทรัพย์ที่เรียกว่า Big Data ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้ประมวลผล
 

 
       AI ก็สร้างประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์ไม่น้อย หลายอุตสาหกรรมใหญ่ในโลกต้องพึ่งพาระบบ AI  แต่ถ้าจะยกตัวอย่างระบบ AI ใกล้ตัวคุณง่ายๆก็เช่น ระบบจดจำใบหน้าและแท็กรูปอัตโนมัติบน Facebook หรือจะเป็น  Siri ใน IPhone  แน่นอนว่า AI มีประโยชน์มากพอทีจะทำให้หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกอย่าง Google, Microsoft, Facebook ต่างทุ่มงบวิจัยและพัฒนา AI กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
 

        แม้ AI จะพัฒนามาไกลขนาดนี้แล้ว ก็ยังคงต้องพึ่งการสั่งการจากมนุษย์ เพราะมันไร้ความรู้สึก ไร้การตัดสินใจ และไม่มีความต้องการ นี่คือข้อจำกัดใหญ่ของ AI ที่ยังสามารถป้องกันอันตราที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่ แต่ลองคิดเล่นๆว่า ถ้า AI มันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ และเรียนรู้กันผ่านการแลกเปลี่ยนนี้ ซึ่งอนาคตก็จะส่งผลไม่ดีแน่ๆ
 

        นั่นเท่ากับว่ามันกำลังสื่อสารกัน อาจจะนำไปสู่กลุ่มสังคมปัญญาประดิษฐ์ใหญ่ยักษ์ ที่ไม่ได้มีมนุษย์เกี่ยวข้องอยู่เลยก็เป็นได้ แต่ก็เป็นเพียงการคาดเดา ตอนนี้ AI ก็ยังคงต้องการสั่งงานจากมนุษย์อยู่ แม้จะมีข่าวความผิดพลาดหลายกรณี แต่หากมองในระยะ 5 ปี การวิจัยของฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช พบว่า AI จะทำงานแทนที่มนุษย์ในรูปของการบริการอัตโนมัติ เช่น ขับแท็กซี่-รถบรรทุกไร้คนขับ

        ผลการวิจัยชี้ว่า... ตลาดที่จะได้รับผลกระทบก่อนใคร คือ ธุรกิจโลจิสติกส์ ฝ่ายบริการหลังการขาย และระบบขนส่งมวลชน แน่นอนว่าในมุมมองมนุษย์งาน ผลการวิจัยนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ดีในการขยับขยายลู่ทางอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่สามารถปรับไปสู่ระบบอัตโนมัติได้ง่าย
 


 

        อย่างไรก็ตาม AI ยังถือเป็นความหวังของภาคธุรกิจ เพราะการมาถึงของ AI และหุ่นยนต์ในอนาคตย่อมช่วยเพิ่มโอกาสในการประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น ธุรกิจสามารถเลิกจ้างพนักงานขาย และหันไปใช้ AI เจรจาการค้ากับลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ขณะเดียวกัน ก็ใช้ AI ควบคุมการจัดส่งสินค้า นัดหมายวันเวลากับลูกค้า และส่งผ่านโดรนเพื่อลดค่าใช้จ่าย 

        
อนาคตสวยหรูนี้ถูกวาดไว้ท่ามกลางความหวั่นใจของชาวโลก
เพราะหากยุคทองของ AI มีผลให้อัตราว่างงานสูงขึ้น ความสงบสุขย่อมเกิดไม่ได้ เพราะโอกาสเกิดคดีอาชญากรรมที่สูงขึ้นตามไปด้วย
 


 

        แล้ว Elon Musk จะอยากให้มนุษย์เป็น AI-human symbiote ไปทำไมกัน?

        Musk มีความเห็นว่า วันหนึ่งมนุษย์จะไม่สามารถพัฒนาตัวเองตาม AI ได้ทัน ด้วยตอนนี้ที่ AI พัฒนามาสู่ขั้น Deep Learning แล้ว มันคือการจำลองสมองมนุษย์มาอยู่ในหุ่นยนต์ ซึ่งสามารถคิดในสิ่งที่ซับซ้อน เรียนรู้ด้วยตัวเอง พัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งแม้ตอนนี้ยังอยู่ในการควบคุมของมนุษย์ แต่เราไม่อาจรู้ได้ว่าในอนาคต AI จะถูกนำไปใช้ในทางไหนบ้าง หรือมันจะพัฒนาตัวเองไปได้ถึงขั้นไหน 
 


 

        เขาจึงเสนอวิธีแก้ปัญหาสุดโต่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้คือ ทำให้มนุษย์มีความเป็นกึ่งๆ AI หรือ AI-human symbiote ไม่ใช่แค่เสนอตอนนี้เขากำลังพัฒนาและวิจัยความเป็นไปไม่ได้นี้อยู่ ซึ่งเขาเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ เขาคิดว่าหาก มนุษย์มีความสามารถได้เสมอเหมือน AI มนุษย์จะใช้ประโยชน์จาก AI ได้เต็มที่ และสามารถคุม AI ได้อยู่หมัด 

       
อนาคต AI มีการพัฒนามากขึ้น อาจจะมาแทนที่คนในส่วนของแรงงาน และอาจจะส่งผลกระทบต่อหลายๆส่วน สิ่งที่ควรทำที่สุด คือการเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตให้ดีที่สุด และจงทำให้ปัญหาที่มีพลิกเป็นโอกาสให้ตัวเอาต่อไป

Created date : 07-12-2017
Updated date : 07-12-2017
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Pantae Reporter
บทความโดยทีมงาน พันธุ์แท้.com

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles