ครั้งหนึ่ง... ผมได้ลองไปตัดผมที่ร้านใหม่ที่ผมยังไม่เคยไป ก่อนไปผมก็ได้โทรไปแจ้งชื่อลงเวลานัดเพื่อทำการจองคิวเอาไว้ พอไปถึงร้านก็มีพี่ผู้ชายที่เป็นช่างตัดผมเรียกไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อเริ่มตัด
ระหว่างตัด... ผมก็เห็นสีหน้าพี่เขาผ่านกระจกตลอดเวลา เห็นได้ชัดเลยว่าเหมือนจะหงุดหงิดอะไรบางอย่าง ตัดๆอยู่ก็หยุดตัดแล้วก็ไปคุยโทรศัพท์สักพักนึง พอพี่เขาชวนผมคุย ก็พูดจากับผมแบบห้วนๆเหมือนดั่งคุยกับเพื่อน ( ไม่มีคำว่า "ครับ" สักคำ ) ไม่เหมาะสมกับคนที่ทำงานทางด้านบริการเลย ทั้งการแต่งกายและกิริยามารยาทที่แสดงออกมากับลูกค้า ตั้งแต่จำความได้ พี่เขาเป็นช่างตัดผมที่ไร้ซึ่งมารยาทมากที่สุดตั้งแต่ผมเคยเจอมา
พอตัดเสร็จผมก็เดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์ ระหว่างรอเงินทอนผมก็นึกขึ้นได้ว่าลืมพูดอะไรบางอย่างกับพี่เขาไป พอรับเงินทอนเสร็จผมก็เดินไปที่เก้าอี้ที่พี่เขาประจำอยู่ พร้อมยกมือไหว้แล้วกล่าวขอบคุณพี่เขาที่ช่วยตัดผมให้
ผมสังเกตได้จากสีหน้าพี่เขาได้เลยว่าเขาดูประหลาดใจที่ผมเดินมาขอบคุณ พี่เขาแสดงอาการตื่นตัวและรีบกล่าวขอบคุณผมกลับ ผมยิ้มกลับและก็เดินออกจากร้านไป
ผ่านไปอีกเดือนกว่า... ผมก็กลับไปตัดผมที่ร้านเดิมอีก ครั้งนี้ผมบังเอิญได้ตัดกับพี่ชายคนเดิมเมื่อคราวที่แล้ว ผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอะไรเพราะพี่เขาก็ตัดออกมาได้ดี พอเริ่มตัด มาครั้งนี้มารยาทพี่เขาก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไรนัก สีหน้าอาจดูไม่หงุดหงิดแล้ว แต่ก็ยังพูดจาแบบห้วนๆเหมือนเดิม แต่งตัวลุคโทรมๆเหมือนเดิม
พอตัดเสร็จผมก็เดินไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์เหมือนเดิม ระหว่างที่ผมกำลังรับเงินทอน พี่เขาก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับกล่าวว่า...
"ขอบคุณมากครับคุณฟิล แล้วเจอกันครับ"
.
.
.
ใช่ครับ... พี่เขาจำชื่อผมได้
ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกชื่อผม
( แต่พี่เขาคงดูจากชื่อที่ผมใช้จองคิวไว้ในครั้งที่แล้ว )
การที่ผมแสดงมารยาทออกไปในแต่ละครั้ง คนที่ได้มากที่สุดก็คือตัวผม ที่ยังรักษามารยาทที่พึงมีของสุภาพบุรุษไว้ได้ แต่ผมก็มิอาจรู้หรอกว่า มารยาทที่ผมได้แสดงออกไปในแต่ละครั้งนั้นจะไปส่งผลมากน้อยแค่ไหนกับผู้รับ
แต่ถ้ามันส่งผลแม้จะเพียงน้อยนิด
...มันก็เกินคุ้มที่จะทำแล้วครับ
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ