[article] 7 นักธุรกิจ พลิกชีวิต ด้วยแรงบันดาลใจในการทำงาน

 
 
 
        นับแต่อดีตจวบจนยุคปัจจุบันก็เป็นเวลาหลายศตวรรษที่มนุษยชาติได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมการสร้างวัฒนธรรมที่ ยิ่งใหญ่ สิ่งหนึ่งที่สามารถพบเห็นได้ตลอดเวลาและไม่เคยสูญสิ้นไปจากสังคมอารยชนผู้มีความเจริญเลยนั้นคือ "ผู้นำ" ซึ่งบุคคลที่เป็นผู้นำในที่นี้มีความแตกต่างกันไปตามบทบาทและหน้าที่
 
       แต่การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการทำธุรกิจได้นั้นใช่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะต้องใช้สติปัญญาในการทำงานบวกกับความมานะอุตสาหะและประสบการณ์ด้านธุรกิจอีกมากมายนับไม่ถ้วน

     
 กว่าจะก้าวมายืนในจุดที่ทุกคนในสังคมให้การยอมรับและยกย่องให้เป็นผู้นำในโลกธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเกร็ดการใช้ชีวิตของบุคคลในโลกธุรกิจต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจมือใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในปัจจุบัน...
 

ภาพจาก : News.mthai
1. บิลล์ เกตส์
       แน่นอนว่าเมื่อเราเอ่ยถึงผู้ประสบความสำเร็จวงการทำธุรกิจ ชื่อแรกที่วิ่งเข้ามาในความคิดของใครหลายคนคงต้องนึกถึง บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรไมโครซอฟท์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เป็นแน่แท้
      โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของเขาที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดทรัพย์สมบัติดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทำงานหนักและใช้สติปัญญาอันชาญฉลาดพร้อมแนวความคิดใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดทำธุรกิจง่ายๆ แต่ลึกซึ้งได้ใจความว่า

 
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเราทุกคนมีคอมพิวเตอร์ราคาถูกใช้กัน”


ภาพจาก : Weera.org

 
      นั่นเป็นเหตุให้หนุ่มน้อยบิลล์วัยเพียงยี่สิบกว่าๆ ออกตามล่าและสร้างความฝันให้เป็นจริง เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยทันที และจุดนั่นได้กลายเป็นปฐมบทความยิ่งใหญ่ฉากแรกของผู้ชายที่ชื่อ
 
       บิลล์ เกตส์ ที่ไม่ยอมปล่อยให้ความฝันเป็นเพียงแค่ความคิดแต่กลับลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง บวกกับความเพียรพยายามศึกษาหาความรู้และทุ่มเทความสนใจในสิ่งที่ตนเองรักและชื่นชอบตั้งแต่เด็ก
 

ภาพจาก : Wijayal.blogspot
 
      นอกจากนี้เขายังถือเป็นผู้ให้การสนับสนุนงานด้านการกุศลเพื่อสังคมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกคนหนึ่งด้วย นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างมากที่สุดสำหรับ ผู้ที่ต้องการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
 
 +++++++++++

2. วอร์เรน บัฟเฟตต์
       ชื่อนี้เป็นชื่อที่สามารถการันตีความสำเร็จในการทำธุรกิจของชายที่ชื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้เป็นอย่างดี เขาเป็นบุรุษที่เกิดก่อนสงครามโลก แต่กลับเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหลักทรัพย์ยุคดิจิตอล

       ปัจจุบันเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และซีอีโอของ 
บริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ และนักธุรกิจรุ่น GEN-Y สมควรต้องศึกษาแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบัฟเฟตต์ในเรื่องการมีวิสัยทัศน์และความอดทนในการทำธุรกิจ
 

ภาพจาก : Paradurumu
 
       เพราะทั้งสองสิ่งถือว่ามีความสำคัญมากหากอยากจะให้บริษัทของตนประสบความสำเร็จในแวดวงนี้ โดยบัฟเฟตต์ถือคติในการทำธุรกิจที่อาจแปลเป็นสุภาษิตไทยได้ว่า
 
“ช้าๆ แต่ได้พร้าเล่มงาม”

นั่นหมายถึงมีความอดทนในการทำธุรกิจ
ไม่เร่งรีบหรือหักโหมมากเกินไปนัก
ค่อยทำกำไรทีละเล็กทีละน้อยและสะสมมูลค่าไปเรื่อยๆ


 
 
ภาพจาก : Positioningmag
 
       นอกจากนี้ในเรื่องการมีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจเป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ควรมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจซึ่งมีแนวโน้มในการสร้างกำไรระยะยาวมากกว่าที่จะมองธุรกิจที่ให้กำไรมากแต่เป็นเพียงแค่ภาพมายาและมีวงจรที่สั้นมาก

       และให้พยายามเดินสวนกระแสในบางครั้งหากมีโอกาส นอกจากนี้ปรัชญาการใช้ชีวิตที่สมถะของเขาก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาเป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตของผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ซึ่งไม่ควรทะเยอทะยานหรือตั้งเป้าหมายเกินตัวมากไป คำกล่าวอมตะของเขาคือ


 

ภาพจาก : Manager

 
“ผมจะไม่พยายามกระโดดข้ามที่สูง 7 ฟุต
แต่ผมจะมองหาคานไม้ที่สูง 1 ฟุต
เพื่อให้ผมสามารถเดินข้ามได้อย่างสบายๆ”


 
 +++++++++

 

ภาพจาก : Yellowthai
3. รัศมี มิททาล
       รัศมี มิททาล หนุ่มใหญ่ชาวอินเดียวัย 57 ปี เป็นอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบในการทำธุรกิจที่ชาวเอเชียภาคภูมิใจ รัศมีเข้ามาสานต่อการดำเนินงานธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กของครอบครัวที่เริ่มแรกเป็นเพียงบริษัทยักษ์ใหญ่ภายในอินเดียเท่านั้น

      แต่หลังจากที่เขาเข้ามาบริหารธุรกิจและกำหนดทิศทางให้กับบริษัทเสียใหม่โดยเน้นทำธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น บริษัทก็ค่อยๆ เติบโตกลายเป็นบริษัทข้ามชาติที่น่าเกรงขามจนดำเนินธุรกิจในกว่า 60 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 320,000 คน มีทรัพย์สินมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

      สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือการมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ได้มองและจำกัดตัวเองแค่การทำธุรกิจแต่ในประเทศ แต่มองว่าทั้งโลกต่างหากคือตลาดที่แท้จริง และส่งออกเหล็กซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทไปทั่วทุกมุมโลก
 
       นอกจากนี้รัศมียังเข้าซื้อธุรกิจชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกาเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในเครือบริษัท เขาจึงเป็นชาวเอเชียผมสีดำที่ฝรั่งหัวทองให้ความเคารพมากที่สุดคนหนึ่งในแวดวงธุรกิจทั่วโลก

 ++++++++++

 

ภาพจาก : Oknation
4. ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์
      ชื่อนี้เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Aviator ซึ่งรับบทโดยลีโอนาร์โด ดิแคปริโอ และมีผู้กำกับยอดฝีมือระดับตำนานอย่างมาร์ติน สกอร์เซซี่ นั้นยิ่งทำให้ชื่อของฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ได้รับความสนใจและน่าติดตามมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก
       ถึงแง่คิดในการทำธุรกิจที่พกพาความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมจนบางครั้งอาจจะดูแปลกแยกอยู่สักหน่อยก็ตามแต่สิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจอันเกิดจากการศึกษาชีวิตฮิวจ์ได้ คือ เรื่องความพยายามทุ่มเทในการทำธุรกิจ
       ซึ่งไม่ว่าเขาจะสนใจในเรื่องใดก็ตาม เขาจะทำธุรกิจด้วยความทุ่มเทและใส่ใจทุกรายละเอียดจนกว่างานนั้นจะสำเร็จเสร็จสิ้น แม้ว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายขนาดไหนก็ตาม เขาเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถทำตามความฝันทุกเรื่องให้ประสบความสำเร็จได้ทุกอย่าง แม้บางสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องแปลกแยกและแตกต่างในความคิดของคนปกติทั่วไปก็ตาม

 

 ++++++++++

 

ภาพจาก : Etoday
 
5. คัตสึอากิ วาตานาเบ
       เขาผู้นี้คือซีอีโอที่ทุกองค์กรธุรกิจต่างต้องการคว้าตัวมาร่วมงานด้วย และคือขุนพลคนสำคัญผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงในความสำเร็จอย่างท่วมท้นของ บริษัทโตโยต้า มอเตอร์
       
อุตสาหกรรมรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกจากแดนอาทิตย์อุทัย วาตานาเบถือเป็นบุคคลที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของสายงานการบริหาร เขาเติบโตมาจากตำแหน่งเล็กภายในบริษัทผ่านสายงานทุกระดับชั้นจนก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดภายในบริษัท
       สิ่งที่น่าศึกษาและควรนำมาเป็นตัวอย่างของวานาตาเบคือแนวความคิดและการดำเนินกลยุทธ์ ว่าเขามีวิธีการอย่างไรในการผลักดันให้โตโยต้าสามารถเป็นอันดับหนึ่งของวงการรถยนต์ได้
       โดยแนวความคิดในการทำธุรกิจที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษของเขาคือการลดต้นทุนบริษัทเพื่อให้ได้กำไรที่สูงขึ้นโดยไม่ไปกระทบกระเทือนต่อประสิทธิภาพและชื่อเสียงของบริษัท เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อนำไปปรับใช้เข้ากับธุรกิจของตนเองในที่สุด

 +++++++++++

 

ภาพจาก : leaderwings
 
6. เซอร์ริชาร์ด แบรนสัน
        หลายคนน่าจะรู้จักเขาดีในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือ Virgin (เวอร์จิ้น) อันโด่งดัง ซึ่งมีสาขาธุรกิจอยู่ทั่วทุกภาคพื้นภูมิภาคในโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เซอร์ริชาร์ด แบรนสันถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำความคิดและความฝันมาสร้างให้เกิดขึ้นบนโลกแห่งความเป็นจริง หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่านักขายฝันนั่นเอง...
       เขาเริ่มธุรกิจครั้งแรกด้วยวัยเพียง 15 ปีจากการทำนิตยสารรายเดือนของมหาวิทยาลัย ซึ่งก็เหมือนกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกหลายคนที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ซึ่งต่างเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยอายุน้อย ๆ กันทั้งนั้น


 

ภาพจาก : Sanook
 
       จากนั้นจึงเริ่มลงหลักปักฐานอย่างจริงจังในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิงและเสียงดนตรีแล้วขยับขยายไปสู่สื่อสารมวลชนแขนงอื่นๆ จากนั้นจึงพัฒนาธุรกิจกลายมาเป็นสายการบินเชิงพาณิชย์ในที่สุด

       นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจกว่าอีก 360 บริษัท สิ่งที่เป็นจุดเด่นในการทำธุรกิจของเขาคือความอดทนและการมีเป้าหมายในการทำธุรกิจที่แน่วแน่มั่นคง พร้อมฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายความฝันที่ตนเองได้วางเอาไว้ กล้าคิดทำธุรกิจที่บางคนอาจมองว่านอกกรอบ แต่สำหรับเขาถือเป็นความท้าทายจนต้องทำให้สำเร็จ และที่น่าสังเกตที่สุดก็ คือ
แบรนสันมีความสุขอย่างที่สุดเวลาทำงานจึงทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพตามมาด้วย และด้วยความที่เป็นคนไม่หยุดนิ่ง ผู้คนจึงมักให้ความสนใจเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าเขาจะขยับไปทางไหนก็เป็นข่าว จึงกลายเป็นการประหยัดงบประมาณการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปในตัวอีกด้วย

 ++++++++++

 

ภาพจาก : Google 
 
7. เฮนรี่ ฟอร์ด
       อีกหนึ่งตัวอย่างของคำว่าถึงตัวตายแต่ชื่อยังคงอยู่ได้เป็นอย่างดี ฟอร์ดมีอายุอยู่ในช่วงราวปีพุทธศักราช 2406-2490 เขาโดดเด่นมากในบทบาทของนักประดิษฐ์ ผู้นำสิ่งประดิษฐ์เข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าจนเกิดเป็นกระบวนการทางธุรกิจขึ้นมา
       ถือเป็นต้นแบบสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่มีความคิดและไอเดียในการสร้างสิ่งประดิษฐ์มาขาย นอกจากนี้เขายังเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและครบเครื่องไปเสียทุกด้าน จุดเด่นหนึ่งในนั้นคือเรื่องของวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะการเข้าใจตลาดอย่างแท้จริงในเรื่องดีมานด์และซัพพลายของระบบเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรออกมาก็สามารถขายได้หมดและยังได้ราคาดีที่สุดอีกต่างหาก และเขายังเป็นปรมาจารย์ด้านลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้สินค้ามีราคาถูกลง ทำให้สามารถกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นนั่นเอง สิ่งเหล่านั้นทำให้เฮนรี่ ฟอร์ดคือผู้เข้าใจกลไกทางตลาดอย่างแท้จริง

 +++++++++++
 
 
หนึ่ง ลมหายใจที่จะใช้ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง
และ
สอง เวลาในการทำความฝันให้เป็นความจริง
 
ทั้งสองสิ่งนี้คือหัวใจและองค์ประกอบสำคัญที่มีในผู้ประกอบการทุกคน
อยู่ที่ว่าผู้ประกอบการจะสามารถนำทั้งสองอย่างนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้แค่ไหนและอย่างไรนั่นเอง



 
อ้างอิงจาก : Softbankthai
ข้อมูล / เรียบเรียง : นิว 

*********
สนใจติดตามข้อมูล อ่านต่อได้ที่ 
https://www.facebook.com/Pantae.fan

Created date : 02-05-2018
Updated date : 07-05-2018
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Pantae Reporter
บทความโดยทีมงาน พันธุ์แท้.com

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles