[article] ## ชวนกินบุฟเฟ่ต์ ชวนคุยเรื่องบุฟเฟต์ ที่โรงแรมอีสติน Eastin hotel ##

 
 
 

นื่องด้วยวันก่อน ครูเมย์ ได้รับเชิญจากแม่ครัวชุ้งชิ้ง ChingCanCook คนเก่งแล้วยังใจดีจากเพจ Fashion on Food ไปกินข้าวที่โรงแรม Eastin สาธร ค่ะ เป็น Grand buffet lunch โอ๊ย อร่อยมากๆ โดยเฉพาะอาหารทะเล กินแล้วอื้อหืออออ สดจริงๆ กินไปกินมาก็นึกถามตัวเองในใจว่า 
 

"เอ๊ะ! แล้วใครกันหนอที่นำประเพณีกินทุกอย่างได้ไม่จำกัดในร้านอาหาร ทำให้แพร่หลายจนเรากินจนพุงกางแบบนี้"
 

 
 

 

     จริงๆการกินอะไรบนโต๊ะก็ได้ เป็นประเพณีที่ทำกันมาหลายร้อยปีในยุโรปอยู่แล้วนะคะ โดยเฉพาะยุโรปเหนือ บางที่ก็ให้เรากินเฉพาะ cold cuts คือ พวกของเย็นๆ เช่น ปลาซามอนดิบ แฮม แบบนี้ค่ะ บางประเทศก็กินได้ทั้งร้อนและเย็นเลย ที่สวีเดนใช้คำว่า Smörgåsbord (อ่านว่า สะ-เมอร์-กัส-บอร์ด) ที่นี่เสิร์ฟร้อนและเย็นเลยค่ะ

 

     ส่วนประเทศอื่นๆก็มี อย่างเดนมาร์คจะใช้คำว่า det kolde bord และที่นอร์เวย์ใช้คำว่า Koldbord ซึ่งแปลว่าโต๊ะเย็นทั้งคู่เลยค่ะ ส่วนที่เยอรมันนั้นใช้คำว่า kaltes Buffet แปลว่าบุฟเฟต์เย็นค่ะ

 

อาหารบนโต๊ะเย็นก็มีพวกแฮมบ้าง ชีสบ้าง ... เอาหน้าตาโต๊ะเย็นมาให้ดูละกันนะคะ อิอิ
 

 

     เข้าใจว่าประเพณีนี้เริ่มจากยุโรปเหนือก่อนแล้วค่อยๆลามมาที่ยุโรปตะวันออก เพราะเขาเรียกบุฟเฟต์กันว่า โต๊ะสวีเดนค่ะ ตัวอย่างเช่น ฮังการีก็เรียกว่า švédský stůl (švédský=สวีเดน stůl = โต๊ะ ค่ะ)


ต่กระนั้นการกินบุฟเฟ่ต์ก็ยังไม่แพร่หลายไปทั่วโลกซักเท่าไหร่เลย
 

     จนกระทั่งในปี 1939 ที่มหานครนิวยอร์ค มีงานชื่อ New York World's Fair  ซึ่งในซุ้มของประเทศสวีเดนนั้นมีการจัดโต๊ะอาหารแบบ Smörgåsbord  ซึ่งต่อมาก็แปลงให้เป็นภาษาอังกฤษว่า Smorgasbord ซึ่งเป็นโต๊ะแสดงอาหารสวีเดนที่แขกสามารถให้ใครตักอาหารไปได้เองโดยไม่ต้องมีคนมาเสิร์ฟ ตั้งแต่นั้นมา การรับประทานอาหารแบบตักเองไม่มีคนมาเสิร์ฟก็แพร่หลายไปทั่วอเมริกาและทั่วโลกในที่สุด

 

อ้าว แล้วคำว่า Buffet มาจากไหนหล่ะนี่ ??
 
     ก็นอกจากชาวสวีเดนแล้ว คำว่า buffet เป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส และแปลว่าโต๊ะข้าง ตู้ข้างๆค่ะ   คนอังกฤษและฝรั่งเศสเองก็ยังรับประทานอาหารแบบไม่มีคนเสิร์ฟด้วยนะคะ ประมาณ 100 ปีก่อน ในศตวรรษที่ 20 บางทีพ่อบ้านกลับบ้าน แม่ครัวก็หาของไม่ทันก็เอาของมาจัดวางๆไว้บนโต๊ะนั่นแหล่ะ ส่วนมากก็จะเป็นของเย็น ไม่ทำให้สุก เพราะรีบจัดไงคะ หาของไม่ทัน
 
 
     สมัยนั้นเวลากินบุฟเฟ่ต์ก็ไม่ได้กินอิ่มกันจนพุงกางซะแบบตอนนี้หรอกนะคะ เพราะว่า Lunchon buffet เนี่ย เขาให้ยืนกินค่ะ เอาอาหารที่กินค่อนข้างง่ายมาเสิร์ฟ พอกลายเป็น Lunchon (คืออาหารกลางวัน) ก็มีคนเสิร์ฟและนั่งกินกันตามปกติค่ะ ตอนนี้การกินบุฟเฟ่ต์ก็แพร่หลายไปยังวัฒนธรรมต่างๆทั่วโลกเลยค่ะ และก็เริ่มหลากหลาย แปลกใหม่ สวยงามกว่าเดิมที่เคยเป็นด้วยค่ะ

     ท้ายนี้ก็ตบท้ายด้วยอาหารสวยๆนะคะ ขออภัยที่ถ่ายมาไม่หมดทุกอย่างนะคะ ครูเมย์ มัวแต่นั่งกิน ก็มันอร่อยนี่คะ :)
 
มาคุยกันต่อได้ที่ 
www.facebook.com/KruMayExplorer/

 
 

 
 

 

ติดตามคุยกันในเพจได้ที่นี่
 

พูดคุยเป็นการส่วนตัว ทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ ความรู้ตัวได้ที่ @krumay



กรอกข้อมูลเพื่อรับข้อมูลมีประโยชน์ได้ที่นี่ คลิ๊กเลย

Created date : 05-02-2016
Updated date : 05-02-2016
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : ครูเมย์ KruMayExplorer
ครูเมย์เชื่อว่า ความรู้ ไม่ได้สำคัญที่สุดในการเรียนหนังสือ มนุษย์คนนึงจะรู้ได้ซักเท่าไหร่กัน เมื่อเทียบกับความรู้ของโลกนี้ที่มีอยู่ อัจฉริยะไอน์สไตน์ จะรู้ได้ถึง 1% ของความรู้ในโลกนี้ไหม
วิทยาการพัฒนาไปไกลมาก เปลี่ยนไปเยอะมาก ตอนนี้ มันเป็นโลกของการแบ่งปัน - แบ่งกัน ความขี้สงสัย กับ ความเอื้ออาทรต่างหาก ที่พาให้โลกหมุนไปได้ ติดตามมาคุยกันได้ที่เพจ www.facebook.com/KruMayExplorer

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles