[article] อาการวูบ สัญญาณเตือนที่ควรระวัง

 
 
 
       ปัจจุบันหลายคนคงเคยมี วูบ อาการวูบ หรือโรควูบ (Blackout) กัน ซึ่งทำให้เกิดการวิตกในการใช้ชีวิตอย่างมาก โดยอาการวูบ คือ อาการคล้ายหมดสติไปชั่วขณะหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็หายกลับเป็นปกติ อาการดังกล่าวมีสาเหตุจากอะไร เป็นโรคหัวใจหรือไม่ ทำไมแพทย์บอกท่านว่า ท่านเป็นลมบ้างบอกเป็น สุดท้ายแล้วเป็นอะไรกันแน่
 
     
 อาการวูบ คือ อาการคล้ายหมดสติไปชั่วขณะหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็หายกลับเป็นปกติ ซึ่งอาการดังกล่าว มีความหลากหลายในความผิดปกติ หรือความรุนแรงของอาการ บางรายอาจมีอาการวูบเพียงระยะเวลาสั้น บางรายหมดสติร่วมด้วย บางรายหมดสติล้มลง หรือบางรายอาจมีเพียงแค่อาการรู้สึกวูบวาบๆเท่านั้น โดยไม่มีอาการหมดสติ
 

       สาเหตุของอาการวูบเกิดจาก?

       อาการวูบ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่นเกิดจากเป็นลมเพราะมีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเกิดจากการวิงเวียน เพราะมีปัญหาในระบบการทรงตัวที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทการทรงตัวในช่องหูชั้นใน หรือจากสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบการทรงตัว
 
       ดังนั้น สาเหตุหลักของการเกิดอาการวูบ คือ
การที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอชั่วคราว ร่วม กับความผิดปกติของระบบการทรงตัว และ/หรือมีการทำงานผิดปกติของสมองเพียงช่วงระยะ เวลาสั้นๆ

 
       อาการวูบเป็นเพียงอาการผิดปกติอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่โรค ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้เกิด คือ
  • เป็นลม (Syncope)
  • วิงเวียนศีรษะ (Dizziness)
  • ชัก (Seizure)
  • อััมพฤษภ์ (Transient ischemic attack:TIA/สมองขาดเลือดชั่วคราว)
  • ใจสั่น (Palpitation)
  • เครียด กังวล (Anxiety)

       ผู้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการวูบ คือ
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • มีปัญหาด้านการได้ยิน และ
  • เคยเกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะ และ/หรือหู
  •  
 
 
       อาการวูบก่อให้เกิดผลข้างเคียงอะไรบ้าง

       อาการวูบ อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆ เพราะกลัวจะเกิดอาการวูบ อาจทำให้ล้มลง เกิดอุบัติเหตุจากการล้มหรือเสียการทรงตัวได้ ถ้าอาการวูบนั้น เกิดจากการเต้นของหัวใจเต้นผิดจังหวะ ก็อาจส่งผลต่อการเกิดอาการรุนแรงขึ้นได้ ซึ่งต้องตรวจว่าเป็นหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไหน ต้องให้การรักษาอย่างไร เช่น ทานยาควบคุม หรือต้องใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ เป็นต้น

       
เมื่อมีอาการวูบ ควรพบแพทย์ เมื่อมีอาการดังนี้
  • วูบร่วมกับหมดสติ ล้มลง
  • วูบเป็นๆ หายๆ ต่อเนื่องกันนานไม่หาย
  • วูบและคลำชีพจรตนเองพบว่าไม่สม่ำเสมอ
  • วูบร่วมกับมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงครึ่งซีก ชาครึ่งซีก หรือปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
  • วูบในผู้สูงอายุ หรือมีโรคหัวใจ

       เมื่อมีอาการวูบและเพิ่งหายจากอาการวูบนั้น ควรนั่งหรือนอนพัก เพื่อให้อาการทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจากการล้มลง สังเกตอาการให้มั่นใจว่าหายเป็นปกติแล้ว จึงค่อยๆลุกขึ้นโดยมีที่ยึดเกาะ และค่อยๆเริ่มทำกิจกรรมต่อได้ แต่ถ้ายังรู้สึกไม่ปกติก็ควรนอนพัก หรือไปโรงพยาบาล

       อาการวูบ อันตรายมากเราควรศึกษาให้ดีและหาวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียที่จะตามมา และควรดูแลสุขภาพหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเป็นการ Check Up ตัวเองอีกด้วย
 

*********
สนใจติดตามข้อมูล อ่านต่อได้ที่ 

https://www.facebook.com/Pantae.fan


Created date : 05-01-2018
Updated date : 05-01-2018
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Pantae Reporter
บทความโดยทีมงาน พันธุ์แท้.com

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles