สวัสดีครับ วันนี้ผมได้รับเชิญมาทานอาหารที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่กำลังดังตอนนี้เลยครับ
ใครที่ชอบร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ น่าจะรู้จักร้านนี้กันดี ร้าน อุเมโนะฮานะ (UMENO HANA)
ผมรู้จักร้านนี้ตอนที่ผมมาถ่ายทำรายการที่นี่ครับ ตอนนั้นมีคุณเนม Getsunova มาเป็นแขกรับเชิญ. ใครสนใจเดี๋ยวผมจะแปะ link ไว้ให้ท้ายกระทู้นะครับ
เรากลับมาที่ อุเมโนะฮานะ กันต่อครับ
อย่างที่บอกครับ ร้านนี้บริการดีและมีความเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับการพาสาวมาออกเดทมาก บรรยากาศเป็นยังไง มาดูกันครับ
ที่ผมบอกว่าร้านนี้เป็นสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เหตุผลแรกคือ เกือบ 90% ของทุกอย่างในร้านนี้นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรงครับ การตกแต่งทั้งหมดออกแบบมาจากญี่ปุ่น พนักงานและการบริการที่นี่ก็ถูกฝึกตามสไตล์ร้านต้นแบบที่ญี่ปุ่นด้วย เรื่องความสุภาพและการบริการนี่เต็มร้อยเรียกคุณผู้หญิง คุณผู้ชายตลอดครับ
พื้นภายในร้านเป็นพื้นไม้ และเสื่อตาตามินำเข้าจากญี่ปุ่นครับ เพราะฉะนั้นลูกค้าจะต้องถอดรองเท้าโดยจะมีพนักงานมาเก็บรองเท้าให้ครับ
อุเมโนะฮานะ แปลว่า ดอกบ๊วย ที่นี่เลยมีต้นบ๊วยนำเข้าจากญี่ปุ่นมาให้ดูครับ
ภายในร้านจะแบ่งเป็นห้องๆครับ มีทั้งห้องรวม และห้องส่วนตัว ที่ดีมากก็คือห้องส่วนตัวที่นี่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มนะครับ จองก่อนได้ก่อน
และห้องนี้คือห้องที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ผมครับห้องใหญ่ สำหรับ 8 คน
จุดเด่นของอุเมโนะฮานะที่โด่งดังในญี่ปุ่นมาตลอด 40 ปีคือการเสริฟอาหารในรูปแบบพิเศษที่เรียกว่า “ไคเซกิ” ครับ
ไคเซกิเป็นการเสริมอาหารแบบที่ค่อนข้างเป็นทางการของญี่ปุ่นโดยจะเป็นการเสิร์ฟอาหารทีละจาน เรียงตามลำดับจนครบคอร์สมีทั้งหมด 10 จานครับ
ผมเคยไปทานอาหารแบบไคเซกิครั้งหนึ่งที่ซัปโปโร ขอบอกเลยว่า เมนูที่ผมได้ทานวันนี้อร่อยกว่ามากๆครับนี่ขนาดตอนเขียน ยังเขียนไปกลืนน้ำลายไปเลยครับ
เซทที่ทางร้านเตรียมให้ผมวันนี้ชื่อ ฮารุ อุระระ “Haru Urara” ครับแปลว่า ความงามของฤดูใบไม้ผลิเป็นเซตพิเศษมีบริการจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ครับ
เริ่มกันเลยนะครับ
--- จานที่ 1 ---
เต้าหู้ โยโมกิ มิเนโอกะ หน้าไข่ปลาแซลมอน
โยโมกิ มิเนโอกะ เต้าหู้นมสด เนื้อหนึบ หอมนมสด รสหวานนิดๆ ผสมสมุนไพรญี่ปุ่นที่นิยมนำไปผสมในขนมช่วงฤดูใบไม้ผลิ
โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอน วาซาบิ และดอกซากุระดองน้ำเกลือ
เต้าหู้เป็นอาหารขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของอุเมโนะฮานะครับและสำหรับที่นี่ ถั่วเหลืองออร์แกนนิค วัตถุดิบหลักที่ใช้ทำเต้าหู้ก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่น
แถมยังมีการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเต้าหู้มามาควบคุมการผลิตถึงที่เมืองไทยกันเลยทีเดียว
--- จานที่ 2 ---
หอยเชลล์และผักตามฤดูกาลราดเจลลี่พอนสึ
หอยเชลล์นึ่งตัวใหญ่ราดเจลลี่พอนสึ รสเปรี้ยวหวาน รสชาดเข้ากันอย่างบอกไม่ถูกจริงๆครับ
--- จานที่ 3 ---
เต้าหู้ ฟุคุ ฟุคุ ซากุระ และซอสซากุระเอบิ
ยกกันมาเป็นเตาเลยครับ ตอนมาเต้าหู้ยังเป็นน้ำอยู่ พอต้มไปสักพักจะเริ่มแข็งตัว
จากนั้นต้องปล่อยไว้ให้เต้าหู้เซตตัวอีกประมาณ 15 นาที ก่อนทานราดด้วยซุปใสกุ้งซากุระเอบิ
ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยชอบทานเต้าหู้ แต่เจอจานนี้เข้าไป ทานหมดไม่รู้ตัวเลยครับ
--- จานที่ 4 ---
โทโร่ (ปลาทูน่า) และ มะได (ปลากะพงแดงน้าลึก)
บอกตรงๆครับ ตอนเขายกมาเสริฟ แค่เห็นเนื้อโทโร่ก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้ว ความมันวาวของเนื้อปลา
เส้นมันสีขาวที่แทรกอยู่ในเนื้อปลาสีแดง... สุดบรรยายครับ
เวลาทานปลาดิบ โดยปกติจะเริ่มทานจากปลาเนื้อขาวก่อนแล้วค่อยมาปิดท้ายด้วยปลาเนื้อแดง หรือชิ้นที่มีมันปลาเยอะๆอย่างโทโร่ครับ
ให้ดูมันที่แทรกในเนื้อกันชัดๆอีกทีครับ กลืนน้ำลายกันไหมล่ะ
--- จานที่ 5 ---
ข้าวซูชินึ่งหน้าไข่ปลาแซลมอน
ข้าวอุ่นๆหอมกลิ่นส้มยูสึ ราดหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนคุณภาพเยี่ยม ใครชอบไข่ปลาแซลมอน ถูกใจแน่นอนครับ
--- จานที่ 6 ---
เพิ่งจะผ่านครึ่งทางไปเองนะครับ มาถึงจากไฮไลท์ขอเซทนี้ครับ
ปูทาราบะนึ่ง
บรรยายความรู้สึกตอนนั้นไม่ถูกจริงๆครับ ดูรูปกันเลยดีกว่า
ยกกันมาเป็นเตา นึ่งกันต่อหน้าแบบนี้เลยครับใช้เวลานึ่งประมาณ 7นาทีครับ
น้ำเริ่มเดือด ไอน้ำเริ่มออก ตามมาด้วยกลิ่นหอมของเนื้อปูทาราบะ
และในที่สุด
กลิ่นหอมของเนื้อปูที่พุ่งออกจากซึ้งตอนเปิดฝานี่ทำน้ำลายทะลักกันเลยทีเดียว
ปูสดๆ เนื้อแน่นๆ หวานๆ
ถ้าอยากเพิ่มรสชาติเข้าไปอีก ก็มีน้ำจิ้ม Kanizu (คานิซุ) รสเปริ้ยวนิดๆ ผสมผิวส้มยูซึขูดที่ให้ความหอม
และพริกไทยที่เพิ่มรสเผ็ด ทุกอย่างลงตัวมากครับ
ทีเด็ดยังไม่หมดครับ มาต่อกันที่
--- จานที่ 7 ---
เนื้อวัวคุโรกิวากิวย่างหินลาวา
ใครเป็น meat lover รับรองฟินครับ เนื้อคุณภาพเยี่ยม ที่มีมันแทรกอยู่ทุกอณูย่างบนหินลาวาร้อนๆ
อยากได้แบบ Rare, Medium Rareหรือ Well done ก็จัดได้ตามใจชอบเลยครับ
--- จานที่ 8 ---
ยูบะอาเกะ
เนื้อปลาขาวบดพันฟองเต้าหู้กับหยดน้ำเลมอน อร่อยแบบนุ่มละมุนลิ้นจริงๆครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่อิ่ม มาปิดท้ายกันด้วยซูชิจานนี้ครับ
--- จานที่ 9 ---
นิกิริซูชิและเทคกับมากิ และ มิโซะฟองเต้าหู้
เป็นจานปิดท้านที่เยี่ยมมากครับ ซูชิอร่อย เสริฟพร้อมซุปเป็นมิโซะแดงใส่ฟองเต้าหู้ มีรสถั่วเหลือง
ญี่ปุ่นเรียกว่า Akadashi ครับ อร่อยมาก!!
ปิดท้ายกันด้วย
--- จานที่ 10 ของหวาน ---
พุดดิ้งน้ำเต้าหู้ราดซอสสตรอเบอรี่ทานคู่กับ ชาโฮจิชะร้อนๆ
ของหวานที่ไม่หวานเกินไป ตามสไตล์ญี่ปุ่นครับ รสเปรี้ยวนิดๆจากซอสสตรอเบอรี่ ตัดกับรสหวานนิดๆของพุดดิ้ง
แถมยังมีชาอุ่นๆอีก เป็นการปิดท้ายที่ลงตัวมากๆครับ
เป็นยังไงบ้างครับ 1 มื้อคุณภาพ กับร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ ย้ำกันอีกทีครับว่าเมนูนี้มีถึง 30 มิถุนายน 2559 นี้เท่านั้นนะครับ
ร้านเปิดบริการ กลางวัน 11:00 – 15:00 น.
เย็น 18:00 – 23:00 น.
ใครอยากลองชิมเมนูพิเศษแบบนี้กับคนพิเศษในความเป็นส่วนตัว พร้อมอาหารรสเลิศ วัตถุดิบคุณภาพดี และการบริการที่เป็นเยี่ยมอย่าลืมที่นี่นะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกันนะครับ
ตามไปพูดคุยกับผมได้ที่