[article] ‪‎ครูตุ้ยบอกเล่า‬ – ‪การศึกษากับการเป็นประกันของชีวิต‬

 
 
 


ช่วงที่ผ่านมามีผู้ปกครอง inbox มาปรึกษาเรื่องเลือกที่เรียนของลูกหลายคน ประเด็นนึงที่เกือบทุกคนพูดถึงคือเรื่องค่าใช้จ่าย ผมแนะนำไปคล้ายๆ กันว่าการศึกษาเป็นสิ่งที่ควรลงทุนให้ลูก แต่ควรให้เหมาะสมกับฐานะการเงินของครอบครัว สิ่งที่เรามีวันนี้อาจไม่อยู่กับเราตลอดไป

ชีวิตทุกคนมีความเสี่ยง การศึกษาช่วยลดความเสี่ยงนั้นได้และช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นไปสู่ความสำเร็จ

เรื่องนี้เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในชีวิตผมเองแต่ได้การศึกษาช่วยไว้ การหาช่องทางเรียนต่อโดยที่เราไม่ได้เรียนเก่งขั้นเทพ ผมมักจะเล่าให้เด็กฟังวันปฐมนิเทศนักศึกษา

ชีวิตวัยเด็ก

ชีวิตสมัยเด็กเหมือนละครทั่วไป ครอบครัวมีฐานะดี เรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดัง มีเบนซ์ไปรับส่ง แต่แล้ววันนึงธุรกิจที่บ้านมีปัญหา ผมและน้องสาวถูกส่งไปอยู่ตามบ้านญาติ อยู่ได้ซักพักก็จะมีปัญหาเพราะเราเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงทำให้อยู่ได้แค่บ้านละปี ต้องย้ายโรงเรียน เรียนชั้นประถมถึง 3 โรงเรียน ม.ต้นกับม.ปลายได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่ ที่บ้านสนับสนุนด้านการศึกษาเต็มที่ สอบเข้าได้อัสสัมชัญธนบุรีและเตรียมอุดมตามลำดับ

‪ความผิดพลาดในการเรียน

สมัยเรียนที่วิศวะ จุฬาฯ ไม่ได้เรื่องเลย คิดว่าการโดดเรียนเป็นเรื่องเท่ห์ ไม่จด lecture วิชาที่ตั้งใจเรียนก็จับประเด็นไม่ได้ ปี 1 สอบตกแทบทุกวิชา เกรดจบสองกว่าๆ ได้ D มา 6 ตัว W มา 5 F อีก 1

‪เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา‬

จำได้ว่าตอนจบมาไม่ได้รู้สึกเหมือนมีวิชาชีพติดตัวเลย ตอนนั้นจบมาในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง หางานยาก สมัครงานก็ตกสัมภาษณ์ ตอบคำถามไม่ฉลาดเลย จะเรียนต่อก็ยาก ไม่มีเงิน หาทุนก็ยาก เกรดจบไม่ดี

แม่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ที่บ้านเริ่มมีปัญหาการเงินอีกครั้ง

‪‎หาโอกาสและแก้ไขความผิดพลาด

โชคดีที่มีหลักสูตรนานาชาติเปิดใหม่ที่จุฬาฯ ให้ทุนค่าเทอม หลักสูตรนี้มีอาจารย์จากอเมริกาเวียนมาสอน อ.ที่ปรึกษาคนไทยแนะนำให้ไปทำ thesis ที่นู่นแล้วลองหาทุนดู

ตอนนั้นอยู่อเมริกาแค่ 4 เดือน แต่พยายามขยันให้อาจารย์เห็น สุดท้ายหาทุนจนได้ พูดกับอาจารย์ตรงๆ นั่นแหล่ะว่าอยากเรียนต่อ

คุณแม่อาการหนักขึ้น ฐานะทางบ้านแย่ลงเรื่อยๆ

‪‎เริ่มเรียนปริญญาเอก‬

ทุนที่ได้ไม่รวมค่าเดินทาง ตอนนู้นต้องทำงานหาเงินให้ได้ 50,000 บาท ภายใน 1 เดือนเพื่อเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน ทำ 3 งาน แปลเอกสาร ผู้ช่วยวิจัย หาเงินได้ทันพอดี ญาติๆ ช่วยกันให้เงินติดตัวไปอเมริกา 40,000 บาท

เงินที่ติดตัวไปไม่เยอะเลย ดีที่ได้พี่ๆ ที่นู่นช่วยไว้ ไปเดือนสิงหา กว่าเงินทุนเดือนแรกจะออกปาเข้าไปพฤศจิ วันสุดท้ายเหลือเงินติดตัวแค่ $5 ดีใจมากเงินออก

‪หาทุนเรียนและการฝึกงาน‬

ทุนที่อาจารย์คนแรกหาให้คือฝากไปเป็นผู้ช่วยวิจัย (RA) อาจารย์อีกท่านนึง ได้แค่ปีเดียว ขึ้นปีที่ 2 อาจารย์แนะนำให้ลองสมัครทุนที่บริษัทเอกชนให้ สรุปว่าได้ทุนค่าเทอม (ตรงนี้การเขียน statement of purpose สำคัญมาก)

ได้ไปต่ออีกปี

บริษัทที่ให้ทุนชื่อ Louis Berger Group เป็นบริษัทที่ปรึกษาขนาดใหญ่ เค้าให้โอกาสนักศึกษาที่รับทุนเข้าไปเป็นเด็กฝึกงาน (intern) ได้เงินชั่วโมงละ $15 แต่ตอนนั้นต้องเริ่มส่งเงินกลับไปช่วยทางบ้านแล้ว ต้องทำงานเสิร์ฟในร้านอาหารไทยเสริม

ตอนนั้นจริงๆ มีวุฒิวิศวะจากเมืองไทยแล้ว มีปริญญาโทด้วยซ้ำไป แต่ทำงานช่วงแรกเค้าให้ xerox อย่างเดียว ทำอย่างงั้นอยู่ 2 เดือน ไม่ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นเลย

การได้งานและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น‬

ช่วงเวลาฝึกงานมีแค่ 4 เดือน ถ้าปล่อยไปแบบนี้แย่แน่ ตัดสินใจคุยกับ manager ว่าของานที่ใช้ความรู้ทำหน่อย เค้าโยนงานมาให้ project นึง งานที่ได้มาเป็นด้านที่เมืองไทยยังไม่บูม อาจารย์ไทยเองไม่เคยพูดถึงเลย พื้นฐานการเรียนก็แย่มาก อยากได้งานที่ใช้ความรู้แต่ไม่มีความรู้ทำ

แก้ปัญหาโดยการหารายงานเก่าๆ มาอ่านกับคอยถามพวกวิศวกรรุ่นพี่ สุดท้ายทำงานเสร็จได้ manager ถึงกับพูดในงานเลี้ยงปลายปีว่าไม่เคยคิดว่าเราจะทำงานนี้สำเร็จได้ แต่ตอนนั้นช่วงเวลาฝึกงานใกล้หมดแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรก็มีปัญหาเรื่องทุนอีก

ใกล้วันสุดท้าย manager เรียกเข้าไปคุยบอกว่าไว้เรียนจบให้จำไว้ว่ามีที่นี่พร้อมรับเข้าทำงาน เราหน้าด้านๆ บอกเค้าเลยว่าจ้างตั้งแต่ตอนนี้ได้เลย เดี๋ยวทำงานไปเรียนไป

สรุปว่าได้เป็น engineer เต็มตัว (แต่ก็ยังทำงานเสิร์ฟไปด้วย)

ถือว่าโชคดีมากเพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทางบ้านทั้งหมดพอดี ต้องส่งกลับบ้านเดือนละ 4 - 5 หมื่นบาท ประกอบกับสามารถขอทุนค่าเทอมจากบริษัทต่อได้ ได้ทุนจากที่นี่จนเรียนจบ

‪‎บทสรุปและข้อคิด

- จากม.ปลายที่คนเรียกเราว่าเด็ก 4 ปีเรียนจบเค้าเรียกเราเป็นผู้ใหญ่ เวลาตรงนี้สั้นมาก มีโอกาสเรียนต้องเอาให้เต็มที่ เรียนจบมาแบบมีความรู้ติดตัว

- การศึกษาเหมือนเป็นประกันของชีวิต มีความรู้ไม่อดตาย

- ความรู้ด้านวิชาการสำคัญ แต่ต้องฝึกการพูดและการเขียนด้วย หลายอย่างในชีวิตเฉือนกันที่การสื่อสารและต่อรอง

- โอกาสเรื่องทุนการศึกษามีอยู่เยอะ เรียนเก่งมีโอกาสมากกว่า เรียนไม่เก่งก็หายากหน่อย ต้องเดินอ้อมกว่า

- ความเสี่ยงในชีวิตเกิดขึ้นได้เสมอ ควรมีแผนรองรับ เช่น ออมเงินแยกเพื่อการศึกษาลูก การทำประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ

- ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ช่วงชีวิตเริ่มต้นของการทำงานสำคัญมาก มีทั้งพลังกายและศักยภาพการเรียนรู้สูงสุด

- เมื่อถึงเวลาที่ต้องหาโอกาสต้องกล้าพูดกล้าทำ จากตัวอย่างข้างบน ถ้าอยู่เฉยๆ คงได้เป็น copy boy มืออาชีพ

- ความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญ พ่อแม่ควรสอนให้ลูกเป็นผู้ให้ด้วย อย่าให้รับอย่างเดียว

‪‎หมายเหตุ‬

มักเล่าเรื่องเฉพาะตอนที่ไม่ตั้งใจเรียนและผลการเรียนแย่ให้เด็กฟังในคลาสแรก เพื่อบอกให้เด็กตั้งใจเรียน มีคลาสนึงเด็กยกมือ

"แล้วจารย์มาสอนผมเนี่ยนะ?!"
crying

เกี่ยวกับผู้เขียน

อ่านเรื่องราวดีๆ ในห้องเรียนเพิ่มเติม


กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Pantae Team

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles