[article] ## รวมเรื่องน่ารู้! 10 คำถามที่กัปตันโดนถามบ่อยมาก !! พร้อมภาพจริง! จากห้องนักบิน รู้ไว้เป็นประโยชน์มาก ##

 
 
 
เวลาใครรู้ว่าผมเป็นกัปตันก็มักจะมีคำถามเรื่องการบินมาถาม บางทีก็เป็นเรื่องทั่วๆไป บางเรื่องเล่นเอาคนถูกถามถึงกับงงกันพักใหญ่ หรือบางเรื่องก็เกี่ยวกับความปลอดภัย ซึ่งทุกคนที่ขึ้นเครื่องบินควรจะทราบไว้นะครับ

1. ข้อแรกที่ผมโดนถามเยอะมาก คือคำถามแนวๆว่าปกตินักบินทำอะไรกัน แค่กดปุ่มออโต้ไพลอต เครื่องมันก็บินไปเองเลยเหรอ ขับเครื่องบินกันกี่คน หรือตอนบินทำอะไรกันบ้าง

ผมเล่าให้ฟังแบบนี้นะครับ!!!

เครื่องบินสมัยใหม่จะใช้นักบิน 2 คน ในการบิน คนเป็นกัปตันจะนั่งทางซ้าย คนเป็นนักบินที่ 1 หรือโคไพลอต จะนั่งทางขวา หน้าที่ในการบินจะแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ การบังคับเครื่องบิน กับ การติดต่อสื่อสาร

ก่อนการบินแต่ละไฟล์ท กัปตันจะเป็นคนกำหนดว่าใครจะทำหน้าที่ไหน ซึ่งต้องชัดเจนครับ เพื่อป้องกันการสับสนระหว่างบิน โดยปกติก็จะสลับหน้าที่กันคนละไฟล์ท คนรับหน้าที่บินจะสนใจเฉพาะเรื่องการบังคับเครื่องบินให้ไปตามที่ต้องการอย่างเดียว ส่วนเรื่องอื่นๆ คนทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารจะเป็นคนจัดการ

+++ กฎที่สำคัญมากๆคือ ไม่ว่าใครจะทำอะไร ต้องบอกอีกคนด้วยทุกครั้ง เพื่อให้ช่วยเช็คว่าทำถูกต้อง +++

แต่ไม่ว่าใครจะทำหน้าที่ไหน กัปตันจะเป็นคนควบคุมภาพรวมทั้งหมดเพื่อให้บินได้อย่างปลอดภัยที่สุดครับ

>>> “เรื่องความปลอดภัย ไม่มีการต่อรองนะครับ” <<<


2. เครื่องบินมันลอยขึ้นไปได้ยังไง
แต่ก่อนผมเคยสงสัยว่าปีกเครื่องบินมันไม่ได้กระพือขึ้นลงเหมือนปีกนก แล้วมันทำให้เครื่องบินลอยขึ้นไปได้ยังไง???             

หลักการคร่าวๆนะครับ เครื่องบินลอยขึ้นได้เพราะ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือเครื่องยนต์ กับ ปีก 
 
ผมขอเริ่มจากเครื่องยนต์ก่อนนะครับ
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ไอพ่น หรือใบพัด หลักการของมันเหมือนกันคือ การหมุนเพื่อดึงอากาศจากด้านหน้าเข้ามาแล้วปล่อยออกไปข้างหลัง ...คิดง่ายๆ เหมือนพัดลมวางกลับหลังนั้นแหละครับ
 
เมื่อมันดึงอากาศเข้ามาแรงๆ ตัวเครื่องบินก็จะเคลื่อนไปข้างหน้า
เมื่อเครื่องบินเคลื่อนไปข้างหน้าได้เร็วพอ คราวนี้ก็จะเป็นหน้าที่ขอปีกละครับ
 
เจ้าปีกเหล็กแข็งๆ  มันทำให้เครื่องบินลอยขึ้นได้เพราะลักษณะโครงสร้างของมัน ที่ด้านบนจะโค้งนูน ส่วนด้านล่างจะเรียบตรง

 

เมื่อเครื่องบินเคลื่อนไปข้างหน้า จะมีกระแสอากาศไหลผ่านไปที่ปีก ความโค้งนูนของปีกด้านบน จะทำให้กระแสอากาศไหลผ่านไปเร็วกว่ากระแสอากาศใต้ปีก
 
เมื่อไหลเร็วกว่า ก็ทำให้อากาศมีความหนาแน่นน้อยกว่า ส่วนอากาศด้านใต้ปีกที่ไหลผ่านผิวเรียบตรง จะมีความเร็วช้ากว่าทำให้มีความหนาแน่นมากกว่า
 
และเมื่อมีความเร็วมากพอ ก็สามารถยกปีกเครื่องบินให้ลอยขึ้นได้ครับ
 
+++ พิสูจน์กันง่ายๆครับ+++   เอากระดาษ A4 มาหนึ่งแผ่น ให้จับกระดาษทางด้านแคบยกขึ้น ปลายกระดาษอีกด้านก็จะตกลงถูกไหมครับ ลักษณะนี้ก็เหมือนผิวโค้งนูนของปีกด้านบน ทีนี้ลองเป่าลมให้ผ่านโดนผิวด้านบนของกระดาษช่วงโค้งครับ เป่าผ่านนิ้วเราที่อยู่ด้านบนกระดาษนั่นแหละ >>> ปลายกระดาษอีกด้านมันลอยขึ้นมาใช่ไหมครับ!!!
 
3. เครื่องบินเติมโซฮอล์ 95 เหมือนกันไหม  (ผมไม่ได้มุขนะ มีคนถามคำถามนี้จริงๆ)

น้ำมันเครื่องบินเป็นน้ำมันสำหรับเครื่องเจ็ทโดยเฉพาะครับ
 
+++เอาน้ำมันรถมาเติมเครื่องบินไม่ได้นะ ส่วนน้ำมันเครื่องบินมีคนบอกว่าเอาไปเติมรถพอได้ แต่วิ่งๆไปเครื่องอาจพังนะครับ +++
 
>>> รถที่เห็นนี้คือรถเติมน้ำมัน มีหน้าที่มาดูดน้ำมันจากท่อส่งน้ำมันใต้พื้นสนามบิน เพื่อเติมเข้าที่ปีกเครื่องครับ <<<
 
4. ตอน Take Off เครื่องบินความเร็วเท่าไหร่


เครื่องบินเทคออฟแต่ละครั้งใช้ความเร็วไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่หลายปัจจัย เช่น ความยาวของรันเวย์ สภาพดินฟ้าอากาศ ภูมิประเทศของสนามบิน และที่สำคัญที่สุดคือน้ำหนักของเครื่องบิน ถ้าน้ำหนักมาก ก็ต้องใช้ความเร็วสูงครับ
 
+++ ถ้าเครื่องใหญ่ ความเร็วเฉลี่ยก็ประมาณ 140 – 160 นอต หรือ ประมาณ 260 – 300 กม./ชม. ครับ+++
 
** ตัวเลขที่เห็นบนพื้นรันเวย์ คือเลขที่บอกว่ารันเวย์เส้นนี้อยู่ในทิศเท่าไหร่ตามเข็มทิศครับ เช่น 25 ก็คือ ทิศ 250 องศา หรือ ตะวันตกเฉียงใต้โดยประมาณครับ***
 
5. เครื่องบินมีถนนหรือเปล่า

 
+++ มีจ้า+++

ขับเครื่องบินก็มีถนนให้ไปเหมือนกันครับ เพียงแต่ถนนของเครื่องบินเกิดจากการกำหนดจุดจากตำแหน่งเส้นรุ้ง เส้นแวง หรือ ละติจูด ลองติจูด แล้วลากเส้นเชื่อมต่อกัน เช่น จากในรูป จุด BUTRI ก็คือตำแหน่งหนึ่งที่ถูกกำหนดขึ้น จุด IDOKA ก็คืออีกตำแหน่ง
 
เวลาบิน เราก็จะไปตามเส้นนี้ โดยใช้ดาวเทียมเป็นตัวดูว่า เราบินอยู่ตรงจุด และเส้นที่กำหนดไหม
 
>> ส่วนในภาพที่เป็นแถบสีเขียว เหลือง แดง นั่นคือนักบินเปิดเรดาห์ตรวจจับสภาพอากาศครับ มันจะจับละอองน้ำในอากาศ มาแสดงบนจอ เขียวคือน้อยสุด แดงคือมากที่สุด ซึ่งโดยปกตินักบินจะบินหลบครับ เพราะถ้าเข้าไปจะทำให้เครื่องสั่น ยิ่งถ้าแดงนี่ยิ่งห้ามเข้าเด็จขาดครับ <<
 
6. เครื่องบินมีเยอะแยะ ทำไมถึงไม่ชนกัน

 


นอกจากเครื่องบินจะมีถนนแล้ว เรายังมีระดับความสูงที่บินต่างกันด้วยนะครับ หน่วยที่ใช้เกือบทั้งโลกจะเป็นฟุต ยกเว้นพี่จีน ที่กำหนดเป็นเมตร
 
ข้อกำหนดเกือบทั่วโลกคือ เครื่องบินที่บินไปทางทิศตะวันออก จะบินความสูงหลักพันฟุตที่เป็นเลขคี่ เช่น 35,000 ฟุต, 37,000 ฟุต หรือ 39,000 ฟุต
ส่วนเครื่องบินที่บินไปทางทิศตะวันตก จะบินความสูงหลักพันฟุตที่เป็นเลขคู่ เช่น 36,000 ฟุต, 38,000 ฟุต หรือ 40,000 ฟุต
 
เพราะฉะนั้น เครื่องบินที่บินไปทางเดียวกันจะสูงต่างกันอย่างน้อย 2,000 ฟุต และเครื่องบินที่บินสวนกัน ก็จะสูงต่างกันอย่างน้อย 1,000 ฟุต ครับ
 
>>> รูปแรกถ่ายตอนบินตามเครื่องที่อยู่สูงกว่า 4,000ฟุต <<< >>> ส่วนรูปที่ 2 ถ่ายตอนอยู่ใต้เครื่องที่บินสูงกว่า 2,000 ฟุตครับ <<<

​7. ที่เครื่องหลุมอากาศ มันเป็นยังไงพี่
 



+++ จริงๆแล้วอากาศไม่มีหลุมให้ตกนะครับ +++
เวลาที่เครื่องเกิดอาการสั่นเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น กระแสอากาศที่บินผ่านไม่นิ่ง กระแสลมแรงมาก ลมเปลี่ยนทางอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิภายนอกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว หรือบินไปเจอเมฆ ซึ่งทำให้เกิดกระแสอากาศแปรปรวน พอเราบินเข้าไปเครื่องก็เลยสั่น
 
ถ้าเป็นก้อนเมฆ นักบินมองเห็น หรือเรดาห์จับได้แบบตามรูปในคำถามที่ 5 ก็จะบินหลบกัน
 
แต่ก็มีแบบที่นักบินไม่รู้นะครับ ฟ้าใสๆแบบในรูปนี่เลย แต่ทำให้เครื่องสั่นรุนแรง ภาษานักบินเรียกว่า Clear Air Turbulence  รู้อีกทีก็เจอเข้าแล้ว และไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไหร่จะหมด บางครั้งอาจทำให้สั่นรุนแรงมากจนตัวลอยกันเลย ซึ่งอันตรายครับ  และนี่คือที่มาของประโยคที่ได้ยินทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน
 
>>> สวัสดีครับท่านผู้โดยสาร ผมกัปตันครับ เพื่อความปลอดภัย ผมขอแนะนำให้ท่านผู้โดยสาร กรุณารัดสายเข็มขัดที่นั่งตลอดเวลาที่นั่งอยู่กับที่นะครับ <<<
 
## รัดเถอะครับ เชื่อผม !! ##
 
8. เวลาบินผ่านขั้วโลก เห็นอะไรบ้าง
 
ตอบได้สั้นๆว่า “ขาว” ครับ ทุกอย่างขาว ขาว และขาว

ทั้ง 2 ภาพนี้ผมถ่ายตอนบินตรงจากกรุงเทพไปนิวยอร์คครับ เส้นทางบินคือจากกรุงเทพ บินขึ้นเหนือผ่านจีน มองโกเลีย รัสเซีย ข้ามขั้วโลกเหนือ ผ่านอลาสก้า แคนาดา แวะชโงกดูน้ำตกไนแองการา แล้วก็เข้าอเมริกา
 
ช่วงที่ผ่านรัสเซีย ขั้วโลกเหนือ อลาสก้า ก็จะเป็นทะเลน้ำแข็ง กับภูเขาน้ำแข็งแบบนี้ไปตลอดหลายชั่วโมงครับ
 
เคยเห็นแสงเหนือ หรือ “ออโรร่า” ด้วยครับ แต่เสียดาย ไม่มีกล้อง!!!
 
9. ตอนเทคออฟ กับ แลนดิ้ง อันไหนยากกว่ากัน
 
ตอบเลยว่า ยาก ทั้งคู่ครับ


+++ ตอนวิ่งขึ้น หรือ เทคออฟ เครื่องน้ำหนักเยอะ น้ำมันเต็มปีก นักบินต้องเร่งความเร็วจนเครื่องถึงความเร็วที่สามารถยกตัวขึ้นได้ ความยากอยู่ที่ ที่ความเร็วเกือบ 300 กม./ชม. เราต้องคอยระวังว่า ถ้าเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น กัปตันต้องตัดสินใจว่าจะหยุดเครื่อง หรือจะบังคับเครื่องขึ้นต่อ มันคือการตัดสินใจในเสี้ยววินาที ซึ่งในการฝึก เราจะฝึกเรื่องนี้กันตลอดครับ
 
+++ ส่วนการนำเครื่องลงสนาม หรือ แลนดิ้ง คือการบังคับเครื่องบิน ให้ลงบนพื้นที่จำกัด
รันเวย์สำหรับเครื่องบินโดยสาร ทั่วไปจะกว้าง 45 - 60 เมตร ยาว 3 – 4 กม.
แต่เวลาบินเล็งมาจากความสูงหลายพันฟุต ด้วยความเร็วเกือบ 300 กม./ชม. พื้นที่ใหญ่โตมโหฬารขนาดนั้นมันเล็กมากครับ นักบินต้องบังคับทั้งความเร็ว ความสูง ทิศทาง มุมร่อน เพื่อให้ลงที่จุดแปะ
 
ถ้าดูจากในรูป จุดแปะก็คือตรงเส้นขาวๆที่เหมือนทางม้าลายนั่นแหละครับ ล้อต้องแปะตรงนั้นพอดี
 
## พูดเรื่องนี้ก็จะมีคนถามต่อแน่นอนเรื่องการลงนิ่มไม่นิ่มเกิดขึ้นจากอะไร ก็ขอเล่าไว้เลยนะครับ ##
การนำเครื่องลงสนามมันมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องนะครับ เช่นสภาพอากาศขณะนั้น อุณหภูมิ ลมแรงไม่แรง ทิศทางของลมที่พัดเข้าหาเครื่อง ความยาวของรันเวย์ ลักษณะพื้นผิว ความสูงของพื้นที่ที่ตัวรันเวย์ตั้งอยู่ เช่น ถ้ารันเวย์อยู่บนเขาสูง ความกดอากาศก็จะบางกว่าที่อยู่ต่ำๆ และปัจจัยอื่นๆอีกมากมาย
 
การลงสนามทุกครั้ง นักบินทุกคนต้องการนำเครื่องลงสนามให้นิ่มอยู่แล้วครับเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร แต่สิ่งที่เราคำนึงถึงมากกว่าคือเรื่องความปลอดภัยครับ
 
ถ้าฝนตก ผิวรันเวย์ลื่น หรือลมพัดแบบเปลี่ยนทิศไปมารุนแรง เรื่องความนิ่มไม่ใช่ปัจจัยแรกที่คิดถึงแล้วครับ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการนำเครื่องให้ลงบนรันเวย์ให้มั่นคงที่สุด เพื่อให้สามารถบังคับเครื่องให้อยู่บนรันเวย์ให้ได้อย่างปลอดภัย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมบางครั้งเครื่องถึงลงแปะพื้นแรงกว่าปกติครับ
 
10. ข้อสุดท้ายครับ คำถามที่ถูกถามเยอะที่สุด “ตอนไปอยู่ที่เมืองนอก ทำอะไรบ้าง”

อันนี้ก็แล้วแต่เลยครับ บางคนก็พักผ่อน ออกกำลัง ช็อปปิ้ง
สำหรับผม เน้น 2 อย่างครับ กิน กับ เที่ยว
 
>>> ไว้จะมาเล่าให้ฟังนะครับ กินเที่ยวง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไปแบบนักบิน <<<
 
ระหว่างนี้ก็ขอฝากไว้ให้ลองเดากันเล่นๆดูครับ 9 ที่ในรูปคือที่ไหนบ้าง
 
ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านนะครับ
 

smileysmiley   ใครชอบก็ฝากแชร์ส่งต่อให้เพื่อนๆบน Facebook กันต่อด้วยนะครับ yesyes

 
--------------------- หรือเข้ามาทักทายกันได้ที่ FB สาวนตัวผม Turn Jetrider คร้าบบบบบบ -------------------
Created date : 31-10-2015
Updated date : 14-12-2017
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Turn JetRider
คุยกันได้ที่ เพจ TurnJetrider

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles