มาเริ่มกันเลย...
ความลับข้อที่ 1 ((แสงกระซิบๆ))
"ซื่อสัตย์กับตัวเอง"
ปิงโกะเลือกตอนตอนหนึ่งที่สะท้อนความลับข้อที่ 1 ได้ดีที่สุด คือตอนที่จอร์จ อาจารย์ฟิสิกฟ์บอกกับนักศึกษาของตนเสมอๆว่า "อย่าใช้วิธีเร่งยัดความรู้ใส่สมอง อย่าหวังว่าถึงปลายเทอมจะตะลุยอ่านหนังสือที่ความจริงต้องใช้เวลาอ่านเป็นเดือนๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอกชีวิตก็เหมือนกัน หลายคนพูดอยู่ตลอดว่าสักวันเขาจะเดินตามหัวใจ จะเป็นคนที่อยากเป็นในโลกนี้ถ้ามีอะไรที่คุณอยากทำ ก็ทำไปเลยถ้าคุณเดินตามหัวใจตัวเอง และตรวจสอบชีวิตตลอดเวลา มันก็จะได้ผล"
"อย่าพยายามเป็นคนอื่น ให้แน่ใจว่าคุณเป็นตัวของคุณเอง"
"ทำให้ทุกวันเป็นวันที่เหนื่อยแต่คุ้มค่า"
ในมุมของปิงโกะ ปิงโกะว่าความลับข้อนี้ ทุกๆคนอาจจะเดากันได้อยู่แล้วแต่จุดน่าสนใจของหนังสือ คือ คำถามที่ว่า "แล้วจะเราเดินตามเสียงหัวใจเราอย่างไร"
ก. หักดิบไปเลยมั้ย หรือ ข. ค่อยเป็นค่อยไปดี
คำตอบคือ
บางครั้งก็ต้องถอนรากถอนโคนเพื่อเดินตามเสียงหัวใจบางครั้งก็ค่อยๆหันเหไปยังเส้นทางที่สอดคล้องกับความรู้สึกข้างใน
Credit ภาพจาก Google
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
"อย่าปล่อยให้เสียดาย!!!"
(ความลับๆๆๆ ข้อที่ 2 )
มีอะไรบ้างนะ ที่พวกเรา
ยังไม่ได้ "ลอง"
ยังไม่ได้ "เสี่ยง"
ยังไม่ได้ "ทำ"
ปิงโกะเองมีหลายอย่างที่ยังไม่ได้ลองทำยังไม่ได้ทำอาชีพที่ตั้งใจไว้ยังไม่ได้ลองไปอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคยซัก 1 เดือน เพื่อใช้ชีวิตมึนๆ ยังไม่ได้ลองไปอยู่ต่างจังหวัด ไปพัฒนาชุมชน เอาให้สนุกหมู่บ้านแตกไปเลยยังไม่ได้โทรหาใครบ้างคน ที่ค้างคาใจมายาวนาน
นี่ คือ ความลับข้อที่ 2
"คนเราจะเสียดายสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ มากกว่าเสียดายสิ่งที่ทำไปแล้ว(แม้ว่าสิ่งนั้นจะล้มเหลวก็ตาม)" ประโยคนี้ดังชัดในหัวปิงโกะมากที่สุด
ผู้ถูกสัมภาษณ์เล่าถึงการพิจารณาความเสี่ยงว่า เมื่อฉันต้องเสี่ยง ฉันจะเริ่มนึกถึงภาพที่ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นและนึกถึงภาพเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น แล้วถามตัวเองว่าจะจัดการกับมันได้หรือไม่ ถ้าคำตอบคือได้ พวกเขาจะลองสิ่งที่ปิงโกะสงสัยตอนที่อ่านคือ
แล้วมีอะไรอีกมั้ยที่พวกเขาเสียดาย?ผู้สัมภาษณ์ไม่พลาดในคำถามนี้
คำตอบคือ พวกเขาส่วนใหญ่พูดถึงผู้คนในชีวิต กับเรื่องที่ค้างคา(ถ้ามีใครที่คุณๆนึกถึง ก็ลองถามตัวเองดูนะคะ ว่าจะเสียดายมั้ย ถ้ายังมีอะไรค้างคา)อีกคำถามคือ
แล้วพวกเขามีล้มไม่เป็นท่ามั้ย?
คำตอบคือ ใช่ และเขาก็เศร้าเสียใจไม่ต่างจากคนทั่วไป เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาทำได้ดีคือ "การปัดฝุ่น" ให้ตัวเองได้ไวนั้นเอง
ให้เราลองจินตนาการดูว่า
"ถ้าเราอายุสัก 60 ปี, 70 ปี หรือ 80 ปีที่นั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านแล้วคุณจะอยากให้ตัวเองทำอะไรผ่านมาบ้าง"
Credit ภาพจาก Google
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยามที่เหลือเวลาในชีวิตน้อยแล้ว
ความรักเป็นสิ่งเดี่ยวที่เราจะใส่ใจจริงๆ
ความลับข้อที่ 3 ของการมีชีวิตที่มีความสุขและมีความหมาย
"ใช้ชีวิตด้วยความรัก"
เมื่อถามผู้ถูกสัมภาษณ์ว่า ""ความสุขที่สุดของพวกเขาคืออะไร"" เกือบร้อยทั้งร้อยคำตอบแรก มักเป็นคู่สมรส ลูกหลาน พ่อแม่ เพื่อนฝูง
การใช้ชีวิตด้วยความรักนั้น ไม่ได้หมายถึงความรู้สึกรัก แต่หมายถึงการ"เลือกแสดงออกด้วยความรัก" รักตัวเอง / รักคนใกล้ตัว / รักผู้คนรอบข้าง และถึงแม้ว่าความลับข้อนี้จะดูง่าย แต่คนจำนวนมากก็ให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าอยู่ดี (ประโยคนี้ จี๊ด...ใจสุดๆ)
ก่อนออกจากบ้านวันนี้ เรามาขอพรตามลีอา(ผู้ให้สัมภาษณ์ท่านนึง)กัน "พระเจ้าข้า..... ขอให้ลูกเปิดรับความรักตั้งแต่ออกจากบ้านจนกระทั่งกลับเข้าบ้าน โปรดช่วยลูกเพื่อว่าในระหว่างวันหากลูกพบใคร ผู้ซึ่งวาจาอ่อนหวานของลูก รวมทั้งรอยยิ้มและคำขอบคุณจากลูก อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาได้ โปรดอย่าให้ลูกยุ่งจนมองข้ามคนผู้นั้นไป"
ขอให้รักที่เรามี ค่อยๆล้นไปถึงผู้คนทุกคน
Credit ภาพจาก Google
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความลับข้อที่ 4
"อยู่กับปัจจุบัน"
เราอยู่ห่างไกลจากวันที่เราต้องการแค่ไหน???
คำตอบ ชีวิตที่อยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ จะไกลห่างจากการปรากฏจริงไปหนึ่งวันเสมอ
เรื่องนี้มอลลี่(หมาน้อย)จะเป็นคุณครูของเราทุกวันหยุด ผมจะพามอลลี่เดินขึ้นลงเขาประมาณ 40 นาทีมอลลี่มีความสุขกับการเดินมากมากกว่าผมเสียอีกเป้าหมายของผมเพียงแค่เดินให้เสร็จๆไปขึ้นไปให้ถึงยอดเขาแล้วก็ลงมาผมเดินเพื่อออกกำลังกาย และหวังว่าอายุจะยืนมากกว่าจะมองว่าการเดินนั้นสำคัญในตัวเองแต่มอลลี่กับสนุกสุดขีดถ้าระหว่างทางมอลลี่เจอสุนัขอื่นมันก็จะหยุดทักทาย ^-^ (นึกถึงภาพ สุนัขคุยทักทายกัน)
ถ้ามันเห็นอะไรน่าสนใจ ก็จะหยุดสำรวจมันใช้เวลาส่วนมากกับการ ดอมดมดอกไม้ขณะที่ผม"อ้อนวอน"ให้มันเร็วเข้าไปได้แล้ว{ !!! เรากำลังอ้อนวอนให้เวลานี้ซึ่งเป็นเวลาเดียวที่เรามีชีวิตจริงๆนี้ผ่านๆไปให้เร็วๆด้วยหรือป่าว }มอลลี่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะที่ผมเพียงมุ่งตะลุยให้ผ่านพ้นไป วันแต่ละวันมิใช่เป็นบันไดอีกหนึ่งขั้นเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางหากแต่เป็นจุดหมายในตัวเอง
ผู้ถูกสัมภาษณ์เล่าว่า
ตอนที่เป็นหนุ่มเป็นสาว เวลา 60 ปีดูเหมือนยาวนานชั่วนิรันดร์แต่พอคุณอายุ 60 ปีจริงๆถึงตระหนักว่า ชั่วพริบตาเดียวจง...
"ใช้ประโยชน์จากเวลาที่มีให้มากกว่านี้"
"ตัดสินชีวิตน้อยลงและมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น"
"รับทุกอย่างที่ชีวิตมีให้"
ปิงอ่านไปถึงช่วงนึงแล้วก็ยิ้ม ^-^ ตามคุณตาวัย 90 ปีปิงบอกกับคุณตาว่า "แนะนำหนูด้วยนะคะ"คุณตาบอกว่า"ทุกวันนี้ถ้าเมื่อได้เห็นตะวันตกดินสวยงามคุณตาจะร้องไห้ออกมา ไม่ได้ร้องเพราะมันสวยเท่านั้นแต่เป็นเพราะไม่รู้จริงๆว่า จะได้เห็นมันอีกเมื่อไร....เราไม่มีทางรู้ได้เลยตาจึงให้ค่ากับทุกช่วงเวลา เหมือนว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย"อันนี้ที่ปิงโกะเขียน ก็จะเขียนราวกับว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เช่นกัน
Credit ภาพจาก Google
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความลับข้อที่ 5 (ข้อสุดท้ายแล้วนะ)
: ให้มากกว่ารับ
(และความหมายจากหนังสือก็มากกว่าที่เราคิดไว้มากๆ)
ความลับข้อนี้เป็นข้อที่จับใจปิงโกะมากที่สุดเลยจริงๆแล้วปิงโกะมีคำถามคำถามนึงที่คาใจตลอดมาว่า"ถ้าเราทุกคนต่างก็อยากจะมีมากๆใช้กันเยอะๆ ไม่พอใจก็ทิ้งๆไปแล้วโลกเดือดร้อนมั้ยแล้วมันจะใช่สิ่งที่เราปรารถนากันจริงๆเหรอ?"
มาดูกันว่าหนังสือบอกอะไรเรา
เป็นเรื่องราวของราล์ฟกับปลาแซลม่อน ราล์ฟเล่าว่า..."เราใช้ชีวิตอยู่ที่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกแต่ละปีจะมีช่วงที่ฝูงปลาแซลม่อนจะหลั่งไหลมาเราตั้งหน้าตั้งตาจับปลาเพื่อไว้เป็นอาหารในฤดูหนาวครั้งหนึ่งผมกับพี่และน้องผู้ชายลงเรือไปจับปลากับพ่อปลาเยอะมาก ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ปลาเต็มเรือไปหมดเราตื่นเต้นกันใหญ่ อยากเอาปลาออกจากเรือ แล้วจะได้ไปจับใหม่เราบอกพ่อว่า พร้อมจะออกไปจับปลาอีกครั้งพ่อบอกว่า "ไม่ออกหรอก เราเสร็จงานแล้ว"เราถามพ่อว่า "ทำไมล่ะ มีปลาอีกเต็มเลยนะ"พ่อตอบว่า "เราได้พอแล้ว ต้องเหลือให้คนอื่นบ้าง"เราใช้เวลาสองวันถัดไปช่วยชาวเผ่าซ่อมแห พวกเขาจะได้มีปลามากพอเหมือนเรา"
ถึงตรงนี้ ปิงบอกอารมณ์ไม่ถูกเลย
ปิงเล่าเรื่องนี้ให้น้องฟัง น้องบอกว่า..."เศร้าจัง"
แต่ตัวปิงเองดีใจมาก ดีใจที่คนแบบนี้มีจริง
ขอบคุณจริงๆ
^-^
บทสรุป ของเรื่องปลาแซลม่อน คือการตวงรับให้เพียงพอต่อการกินเป็นสิ่งสำคัญแต่ที่สำคัญเช่นกันก็คือต้องไม่รับเกินความจำเป็นปลาเหล่านั้นไม่ใช่ของครอบครัวเราหรือแม้กระทั่งของชุมชนเรา แต่ถูกยืมมาจากคนรุ่นก่อนและถูกฝากไว้ให้คนที่ยังมาไม่ถึง"การให้" ก่อให้เกิดปิติสูงสุดเท่าที่มนุษย์พึ่งมีสิ่งที่หนังสือพยายามจะบอกเราอีก คือ
เรามีความสำคัญก็เพราะ"เราเป็นส่วนหนึ่งของอีกสิ่งที่ใหญ่กว่า"
เรามีภารกิจสำคัญของชีวิตมนุษย์ 2 อย่างได้แก่
1. ค้นหาตัวตน เราจะพบตัวเองโดยการซื่อตรงต่อสิ่งที่อยู่ในตัวตน
2. สลายตัวตน โดยการอุทิศชีวิตแก่การให้ ให้โลกนี้ดีกว่าตอนที่เรามาพบ นี่คือการเชื่อมเรากับอนาคตและโยงเราเข้ากับอดีต
ปิงเองต้องขอบคุณหนังสือ
"ความลับ 5 ข้อที่คุณต้องค้นให้พบก่อนตาย"
แบบหมดใจจริงๆ ขอบคุณที่ได้รู้จักกัน
ขอบคุณผู้แต่ ผู้สัมภาษณ์ ทีมงาน ผู้แปล และสำนักพิมพ์ OhMyGod
หวังว่าโลกจะดีใจที่มีพวกเรานะ
ติดตามและพูดคุยกันได้ที่
Fanpage : www.facebook.com/PingkoTheSkeptical
สามารถดูบทความทั้งหมดได้ที่นี่ www.pantae.com/blog/Pingko