[article] 13 ประโยชน์ ที่คนประสบความสำเร็จ ได้จากการปฏิบัติธรรม

 
 
 
ถ้าย้อนกลับไปหลายปีก่อน  ผมจะปิดใจทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “ปฏิบัติธรรม”
ผมชอบอ่านหนังสือธรรมะแนวเซน และคิดว่า “ผมรู้แล้ว” ผมจึงไม่มีความสนใจจะปฏิบัติธรรมเลย
 
          ปฏิบัติธรรมเพื่อ กดข่มตัวเอง บังคับตัวเองไปทำไม แล้วเอามาใช้อะไรในชีวิตจริงได้เหรอ ชีวิตต้องว่องไวกระตือรือร้นและสร้างสรรค์ และทำงานหนัก แล้วปฏิบัติธรรมมันใช่เหรอ ปฏิบัติไปๆมาๆแล้วจะต้องไปบวชหรือเปล่า นั่นคือความสงสัยต่อการปฏิบัติธรรม

          มาถึงช่วงเวลาหนึ่ง ผมได้พบกับกัลยาณมิตรกลุ่มหนึ่งที่มีความถนัดอันหลากหลาย ที่มีอุดมการณ์ตรงกันในการทำให้สังคมมีความรักกันอย่างสันติสุข มีความตระหนักรู้ถึงศักยภาพตัวเอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน  พวกเราได้จดจัดตั้ง “มูลนิธิสหธรรมิกชน” ขึ้น   ซึ่งหลังจากที่ผมทำงานมูลนิธิและได้ใช้ชีวิตร่วมกันกับกัลยาณมิตรกลุ่มนี้  และพอดีกับการจัดปฏิบัติธรรมนั้นเป็นกิจกรรมหลักในช่วงเริ่มต้นของมูลนิธิสหธรรมิกชนอีกด้วย ผมจึงค่อยๆได้สัมผัสเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า “ปฏิบัติธรรม” ตั้งแต่ตอนนั้น
 
           เมื่อทำงานเกี่ยวกับการจัดปฏิบัติธรรม  ผมจึงค่อยๆ รู้จักการปฏิบัติธรรมจริงๆมากขึ้น ว่าแท้จริงแล้วการปฏิบัติธรรมนั้น   คือการ “กลับเข้าไปเข้าใจตัวเราเองจริงๆ ว่าตัวเองเป็นอย่างไร”   โดยใช้เครื่องมือที่เราเรียกว่า “สติ” , “รู้ตัว” , “รู้ตัวทั่วพร้อม”  เพื่อทำให้เราได้ รู้ธรรมชาติของตนเอง  รู้ธรรมชาติของคนอื่น  รู้ธรรมชาติของการมีปฏิสัมพันธ์กัน  รู้ธรรมชาติของระบบอะไรบางอย่างที่ทำให้เรามีความทุกข์และมีความสุข "ตามความเป็นจริง" 

 
หรืออาจจะพูดด้วยคำง่ายๆว่า “ตื่นรู้”   

          ตื่นขึ้นจากความเคยชินเดิมๆของความรู้สึกนึกคิดที่ทำให้เราเกิดความทุกข์ความอึดอัดไม่พอใจตัวเองหรือผู้อื่นที่มันวนซ้ำๆๆๆๆ  เมื่อปฏิบัติธรรมสักระยะหนึ่ง ก็รู้ว่าอะไรที่เป็นเบื้องหลังของพฤติกรรมต่างๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาเดิมๆที่วนซ้ำมาหาเราหลายต่อหลายครั้งตลอดชีวิต
 
          จริงๆแล้ว การปฏิบัติธรรมก็มีอยู่หลากหลายแนวทาง ได้แก่ แบบเน้นสงบสมถะ(สวดมนต์ นั่งสมาธิ) แบบฟังบรรยายธรรม แบบเน้นความว่าง แบบเน้นกระบวนการคิด แบบรู้สึกตัว แบบรู้กายเคลื่อนไหว แบบเซน แบบเพียงแค่รู้ แบบนิกายอื่นๆ ฯลฯ   สรุปแล้วรูปแบบการปฏิบัติธรรมนั้น มีหลากหลายมาก  เนื่องจากคนเรามีความชอบและจริตต่างกันหลายรูปแบบ

          แนวทางการปฏิบัติธรรมจึงออกแบบมาจากผู้รู้ ที่ลองปฏิบัติธรรมแบบต่างๆแล้วได้ผล และเกิดการนำไปใช้กับคนอื่นๆแล้วได้ผลเช่นกัน จึงเกิดเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมที่หลากหลาย เพื่อให้คนแต่ละจริตได้ทดลองหลายๆแบบ แล้วตัดสินใจเลือกในวิธีที่ตนเองชอบ เพื่อเกิดการเข้าใจตัวเองต่อไป
 
          หลังจากนั้นผมก็เริ่มปฏิบัติในแนวทางที่ทำให้ผมเข้าใจตัวเองได้ง่าย ส่วนตัวผมเน้นวิธีดูอารมณ์ความรู้สึก ความรู้สึกพึงใจ/ไม่พึงใจ, ชอบยึดไว้/รังเกียจผลักไส, ถูก/ผิด, ฉลาด/โง่, รู้/ไม่รู้, เหนือกว่า/ต่ำกว่า, ฯลฯ  แล้วใช้ปัญญาพิจารณาประกอบว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เรา เพื่อยอมรับความจริงของเราว่าเป็นอย่างไรกันแน่   

          ระหว่างทางที่ผมปฏิบัติธรรมนั้น เมื่อพบความจริงของตัวเอง บางครั้งหดหู่ สลด เสียใจ เจ็บปวด ในความจริงที่เราปกปิดมานาน เพราะรับตัวเองไม่ได้ จึงต้องซ่อนเพราะความอับอาย ผลักไสหลีกหนีเรื่อยมา   แต่เมื่อเราเห็นความจริงอันน่าเกลียดของเราแล้วยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็นตามความเป็นจริงได้แล้วนั้น    มันกลับมีประโยชน์ต่อ ตัวเรา คนรอบข้าง และการงานอย่างมากมายด้วยเช่นกัน

          ผมจึงขออนุญาตมาแบ่งปันประโยชน์ที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวผมเองและจากที่ผมทราบจากกัลยาณมิตรที่เดินทางด้านภายในมาด้วยกัน ซึ่งขอนำมาแบ่งปันให้กับทุกท่านจำนวน 13 ข้อ ดังนี้
 
ประโยชน์ต่อตัวเราเอง

1รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง
ลองคิดดูว่ามันเยี่ยมขนาดไหน เมื่อเราได้รู้ข้อดีข้อเสีย จุดอ่อนจุดแข็งของเราตามความเป็นจริง  หลายสิ่งหลายอย่างที่เรารับตัวเองไม่ได้ เราจะปกปิดสิ่งนั้นมาตลอด  จนใครก็มาแตะต้องไม่ได้  ถ้าใครมาแตะต้องเราจะหงุดหงิดโกรธเกลียดทันที  ลองพิจารณาดูให้ดีว่าความ
หงุดหงิดโกรธเกลียดเหล่านั้นมันมาจากไหน?  จริงๆแล้วต้นตอมาจากภายในเรา ที่ยอมรับตัวเองไม่ได้ แท้จริงนั้นเราทะเลาะกับตัวเองอยู่หรือเปล่า

 
2. อยู่คนเดียวได้อย่างไม่อึดอัด เหงาเปล่าเปลี่ยว
เมื่อเราเข้าใจตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติคือ เราจะรักและเมตตาตัวเอง เมื่อเราไม่เกลียดชังหรืออึดอัดกับตัวเอง เวลาที่เราอยู่คนเดียวก็จะมีความสุขสงบ อยู่กับความเฉยๆไม่มีอะไรทำได้อย่างมีความสุขไม่อึดอัด

3. เพิ่มศักยภาพในการแก้ปัญหา
เมื่อเรายอมรับตัวเองได้มากขึ้น  เราจะหนีปัญหาที่เข้ามาน้อยลงตามลำดับ เมื่อเราไม่หลีกหนีและไม่กลัว ก็จะเห็นปัญหาตามความเป็นจริง และรู้ความจริงของสถานการณ์โดยรอบก็จะเกิดขึ้น เราจึงแก้ปัญหาได้
 

ดร.เมธา หริมเทพาธิป เลขาธิการมูลนิธิสหธรรมิกชน
ผู้ตั้งมั่นศึกษาหลักการทรงงาน 23 ข้ออย่างลึกซึ้ง  แล้วน้อมนำไปทำงานให้เกิดประโยชน์สู่สังคมทุกภาคส่วน

 
4. สุขภาพกาย/ใจ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าสุขภาพใจกับสุขภาพกายนั้นสอดคล้องไปในทางเดียวกัน และปัญหาสุขภาพทั้งสองอย่างนั้นมาจาก ความกลัว ความกังวล ความทะยานอยากที่กดดันตัวเอง ความเครียดที่มาจากความคาดหวัง หรือแม้กระทั่งความคาดหวังว่าจะต้องมีความสุขเหมือนเดิมที่เคยเป็น แล้วผิดหวังตำหนิตัวเองเมื่อไม่สามารถคงรักษาความสุขแบบเดิมไว้ได้  

โยคะนอกกระแส กายภาวนาสำหรับคนรุ่นใหม่ ครูติม MBA.Yoga
 
หลายๆครั้งการกลับมาหาตัวเองตามความเป็นจริงง่ายๆโดยการอยู่กับหายใจลึกๆแค่ 3-5 ครั้ง  ก็สามารถคลายความหนักอึ้งทั้งกายและใจได้โดยง่าย และเมื่อเราคลายสภาวะลบทั้งหลายได้ต่อเนื่อง ร่างกายก็จะค่อยๆฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ
 
5. เข้าใจ ทำใจ และปล่อยวาง ความทุกข์ได้ง่ายขึ้น
เราจะปล่อยวางได้ทั้งความทุกข์ที่น่ารังเกียจ และไม่ยึดความสุขที่แสนชอบ แล้วกลับเข้าสู่ความปกติ เพราะเมื่อรู้จักตัวเองดีพอ เราจะเข้าใจถึงต้นตอที่ผลิตความทุกข์ ที่เรายังไม่ยอมรับ ยังรังเกียจ ยังไม่ให้อภัย ฯลฯ เมื่อเรายอมรับความจริงของเราในเรื่องนั้นๆได้แล้วนั้น เราก็จะเข้าใจ ทำใจ ปล่อยวาง การกระทำของตัวเองและคนอื่นได้ง่ายขึ้น
 
 
ประโยชน์ต่อคนรอบข้าง

6เรารู้สึกดี รัก และเข้าใจ คนรอบข้างได้ง่ายขึ้น
เมื่อใจเราอ่อนโยนไม่ขัดแย้งกับตนเอง เราจะ รู้สึกดี รัก และเข้าใจ คนรอบข้างได้ง่ายขึ้น
 
การปฏิบัติธรรม จาริกแสวงบุญที่ประเทศอินเดียของคุณ ตา สุรางคณา

7. ปัญหาเดิมๆในครอบครัว และที่ทำงานจะคลี่คลาย
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่ต้องลองแล้วจะรู้ครับ ว่าครอบครัวเราจะค่อยเปลี่ยนไปจริงๆ  โดยไม่ต้องมาตั้งใจสอนหรือบังคับกันด้วยซ้ำ  ความรู้สึกจะไม่กระทบกันแบบเดิม และปัญหาต่างๆจะค่อยๆคลี่คลายลง

 
เพราะเมื่อความรู้สึกนึกคิดที่เคยยึดที่เคยซ่อนเร้นได้รับการยอมรับปล่อยวาง 
ปัญหาเดิมๆที่เกิดขึ้นในครอบครัว จากความรู้สึกนึกคิดนั้นๆก็จะเริ่มคลี่คลาย
 
 
 
8. เกิดความสุขแบบใหม่ในครอบครัว ที่มีความสุขร่วมกัน
เมื่อเริ่มมีคนเข้าใจตัวเองตามความเป็นจริงในครอบครัวเริ่มจาก 1 คน สิ่งๆนี้ก็จะส่งต่อๆกันเป็น 2,3,4,… คนตามลำดับ   ครอบครัวจะมีความสุขจากภายในที่สมดุล มีความเข้าใจที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน เป็นความสุขที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีการเข้าใจยอมรับตัวเองตามความเป็นจริงในครอบครัว

9. คนรอบข้างเรา จะเริ่มสนใจธรรมะ
เมื่อเราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คนรอบข้างจะสัมผัสถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไปในเราได้ โดยที่เราไม่ต้องประกาศให้ใครรู้  คนรอบข้างเค้าจะเห็นว่าเรามีความสุขง่ายขึ้นและเป็นความสุขให้คนรอบข้างได้ เค้าจะเริ่มสนใจปฏิบัติธรรมด้วยตนเองโดยไม่ต้องบังคับ

 
“เราแค่ เป็น ให้เค้าสัมผัส”
 
คอร์ส "กลับตาลปัตร น้อมสู่ใจ" พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ
ที่ทาง มูลนิธิสหธรรมิกชน จัดขึ้น
 
ประโยชน์ต่ออาชีพการงาน

10สามารถป้องกันแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
เมื่อเข้าใจยอมรับตัวเองตามความเป็นจริง เราจะกลัวและกังวลน้อยลง  ปกติแล้วเราจะมีความเคยชินที่จะหนีหรือสร้างปัญหาบางอย่างที่เราทำโดยไม่รู้ตัวมาตลอดซ้ำๆ ซึ่งที่ผ่านมาเราจะมีเหตุผลที่ดี๊ดี ให้กับตัวเองเพื่อให้เราหนีปัญหานั้นได้อย่างแนบเนียน  แต่เมื่อเรารู้จักตัวเองตามความเป็นจริงมากพอ เราจะไม่หนีปัญหา  เราจะเริ่มเผชิญหน้าเพื่อป้องกันและแก้ปัญหานั้น ด้วยความจริงใจตรงไปตรงมากับตัวเอง
   

11. เกิดการวางแผนที่สอดคล้องและมีการปรับตัวตามความเป็นจริง
ปกติแล้วการวางแผน มักมีไว้เพื่อควบคุมสถานการณ์เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายหรือความคาดหวังที่ตั้งใจไว้ แต่หลายๆครั้งการวางแผนกลับตามมาด้วยความกังวลและความกลัว กลัวว่าจะไม่เป็นไปตามแผน กลัวว่ามีใครทำเสียแผน กลัวว่าที่เราวางแผนมาแทบตายจะไม่ถูกเอาไปใช้ กลัวว่าแผนที่เราวางมามีคนปฏิเสธทั้งที่เราตั้งใจคิดมาอย่างดี 

 
เรากลัวจนเราใช้แผนนั้นไปบังคับ ครอบงำ เบียดเบียน บางทีเป็นเล่ห์กลอุบายที่ต้องวางไว้เพื่อปกป้องความกลัวของตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ช่วงแรกเหมือนจะไปได้ดีตามแผน แต่ผ่านไประยะหนึ่งความเสื่อมปรากฏและทุกอย่างก็พังทลาย และโทษกันเองจนเสียเพื่อนไป
 
การวางแผนจะเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ เมื่อผู้ร่วมกันวางแผนรู้จักตัวเองตามความเป็นจริง ไม่ซ่อนเร้นปิดบัง ไม่เห็นแก่ความต้องการของตัวเอง และเข้าใจกันและกัน แผนนั้นจะเป็นไปเพื่อเป้าหมายที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง  มีการปรับเปลี่ยนได้ตามความจริง ไม่ใช่ปรับเปลี่ยนตามความกลัว กังวล หรือความอยากของใคร
 
12. เกิดงานหรือโปรเจคที่ WoW 
จากข้อ 11 การทำเพื่อประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย จะเป็นจุดเริ่มต้นโปรเจคที่ใครๆก็ร้อง WoW ที่มาจากการมีส่วนร่วมจากภายในใจของทุกคน  แต่ถ้าทีมงานไม่เข้าใจตัวเองตามความเป็นจริง  มักจะมีการยึดแย่งกันว่านี่เป็นผลงานเรา โปรเจคต้องเป็นในแบบความคิดเราเพราะมันดี ต้องเป็นแนวเราเพราะมันเลิศ ต้องสอดคล้องความฝันของเราเพราะมันช่วยคนได้มาก  ซึ่งในขณะที่ต่างคนต่างพยายามยึดครองโปรเจคนั้นไว้ ระหว่างนั้นอาจจะมีโอกาสโผล่เข้ามา ที่เป็นจุดเปลี่ยนทำให้เกิดประโยชน์มากมายมหาศาลต่อส่วนรวม แต่ก็ไม่ได้รับการสนใจเพราะแต่ละคนมัวแต่ห่วงเรื่องตัวเอง 

มันน่าเสียดายแค่ไหนล่ะ ที่ถ้าเราร่วมมือกันน้อมรับโอกาสนั้นรับรองว่าต้องร้อง WoW กันแน่นอน   แต่เราทุกคนกลับไม่สนใจเพราะมัวแต่หวงแหนโปรเจคนั้นไว้ว่าต้องสนองตามความคิดของชั้น

 
คนที่ตื่นแล้วจะไม่ทำประโยชน์แต่เพื่อตัวเอง  ดังนั้นเมื่อคนที่ตื่นร่วมงานกับคนที่ตื่น งานจะ WoW และเป็นประโยชน์มากมายออกไปอย่างแน่นอน
 
13. เกิดความเจริญก้าวหน้าในงานที่ทำอย่างยั่งยืน
เมื่อมองว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ  มักจะเห็นโอกาสที่เข้ามาเสมอ เพราะคนที่รู้ตัวจะไม่ทิ้งโอกาสใดๆให้ไร้ค่า  คนที่ตื่นรู้จะยอมรับข้อผิดพลาดตามความเป็นจริงอย่างมีสติเสมอ     และจะไม่เมินเฉยโอกาสที่มาพร้อมกับสถานการณ์ที่เราไม่อยากเจอ  คนที่ตื่นจะไม่รังเกียจเดียดฉันท์สิ่งที่เป็นด้านลบ มิหนำซ้ำยังจะมองด้านลบเป็นของมีค่า  เป็นโอกาสที่มีพลังมากพอที่จะพลิกวิกฤตได้เลยทีเดียว

 
เพราะคนตื่นแล้วมองปัญญาเป็นเพียงอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องลุยสะสาง  เราทุกคนสามารถเข้าใจกันและกันตามความเป็นจริงเมื่อมีปัญหาได้
 
ใครว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะเอื่อยเฉื่อย ปลีกวิเวกแล้วไปบวช  จริงๆแล้วถ้าปฏิบัติจนเข้าใจตัวเองมากพอ กลับจะยิ่งทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ท้อ ไม่กังวลเลยด้วยซ้ำไป มีเป้าหมาย ชัดเจนกับตัวเอง มีความสุขได้ง่ายกับทุกอย่างที่เข้ามา มีเพื่อนแท้ และรู้สึกดีกับตัวเอง เพราะเข้าใจทุกอย่างมากพอครับ
 
ขอให้ทุกท่านที่เดินทางสายนี้มีความสุขครับ
อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านครับผม
ผู้เขียน : อิทธิศักดิ์ เลอยศพรชัย
 
++++++++++++++++++++++++++++++
 
เรียนเชิญ เข้าปฏิบัติคอร์ส "หัวใจตื่นรู้ อยู่ใกล้พุทธะ ถึงธรรมะ ถึงพระพุทธเจ้า"
โดย ดร.พระมหาอนุชน สาสนกิตฺติ ป.ธ.๙ (นาคหลวง) และ ทีมงานมูลนิธิสหธรรมิกชน
วันที่ 14-16 ธ.ค. 2561 ณ สวนธรรมศรีปทุม จ.ปทุมธานี
"ปัญญา เพื่อการตื่นรู้ ตามแนวพระพุทธเจ้า"
คลิ๊กที่ลิ้งนี้ครับ https://www.facebook.com/events/293404801487237/
 
*********************

หากท่านอ่านบทความนี้แล้ว เห็นว่ามีประโยชน์น่าแบ่งปัน
รบกวนกด "แชร์" ได้เลยครับ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร อันเป็นประโยชน์
จากมูลนิธิสหธรรมิกชนได้ที่
FB Fanpage : มูลนิธิสหธรรมิกชน Sahadhammikchon Foundation


และติดตามเรื่องดีๆที่น่าสนใจอื่นๆได้ที่
FB Fanpage : Small Good : ความดีเล็กๆ แค่เริ่มทำ
FB Fanpage : ตา สุรางคณา
FB Fanpage : ครูติม MBA.Yoga
FB Fanpage : สิ่งๆนั้น
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : X Small Good
การส่งต่อความดีงาม นั้นไม่ยาก เพราะความดีงามแทรกอยู่ในทุกสิ่ง แทรกอยู่ในความรักของคนทุกคน เพียงแค่เราใช้ใจมอง  พยายามมองหาสิ่งดีงามจากคนรอบข้างและสิ่งรอบตัว  ดึงพลังสั่นสะเทือนนั้นออกมาแล้วแบ่งปันส่งต่อออกไป ให้พลังสั่นสะเทือนแห่งความดีงามนั้นกระแทกเหนี่ยวนำใจให้ความดีงามของทุกคนเปิดเผยออกมา ร่วมกันทำสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่เปลี่ยนโลกกันครับ ติดตามได้ที่เพจ X Small Good

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles