[article] เบื้องหลังเรื่องราวที่คาดไม่ถึง ใน 6 ซิงเกิ้ลดังของ Katy Perry

 
 
 
เจาะลึก!! เบื้องหลังเรื่องราวที่คาดไม่ถึง
ใน 6 ซิงเกิ้ลดังของ "Katy Perry"


       "แคเธอรีน เอลิซาเบธ ฮัดสัน" ( Katheryn Elizabeth Hudson) หรือชื่อในวงการ คือ
"เคที เพอร์รี" (Katy Perry) เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1984 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอเมริกัน เพอร์รี เติบโตมาพร้อมกับเพลงที่ร้องในโบสถ์ (gospel) และขณะที่เธอกำลังเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมปลายปีแรก เธอได้เข้าวงการเพลงในชื่อ "เคที ฮัดสัน" (Katy Hudson) และปล่อยสตูดิโออัลบั้มชุดแรกที่ชื่อว่า ' Katy Hudson ' ออกมาแต่ไม่ได้ติดชาร์ต ภายหลังเธอได้อัดร้องอัลบั้มเดี่ยวอีกหนึ่งชุด แต่ไม่เคยถูกปล่อยออกมา หลังจากเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Capitol Music Group ในปี ค.ศ. 2007 ซึ่งเป็นค่ายลำดับที่ 4 ตลอดระยะเวลา 7 ปี เธอก็ได้เปลี่ยนชื่อในวงการใหม่เป็น "เคที เพอร์รี"


          ย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 ในขณะที่ทั่วโลกได้ชมวิดีโอ และเพลงสุดเท่ห์ของ Katy Perry ในเพลง “I Kiss A Girl” ในอัลบั้มแรกของเธอ Katy ก็ถูกหมายตาให้เป็นซุปเปอร์ป็อปสตาร์หญิงคนหนึ่งของวงการเพลง และในปี 2016 เธอได้ออกซิงเกิ้ล
“Rise” ซึ่งเป็นเพลงที่ให้แรงบันดาลใจใครหลายๆ คน กับน้ำเสียงอันทรงพลังของเธอ เพลงนี้ได้ใช้เป็นเพลงประกอบของ NBC โอลิมปิก ที่ประเทศบราซิลในปีนั้น และนั่นทำให้พวกเรานึกถึงพลังเสียงของเธอจากซิงเกิ้ลที่โด่งดังเป็นพลุแตก

 
 
"วันนี้เราจะได้ขุดคุ้ย และแปลเนื้อหาเรื่องราวเบื้องหลังเพลงดัง
จาก 6 บทเพลงของเธอ"
 
 

เริ่มด้วยซิงเกิ้ลแรก  'I Kissed A Girl' 


      เพลงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรักร่วมเพศ หรือผู้หญิงจูบกอดกับผู้หญิงด้วยกันหรืออะไรทำนองนั้น
      แต่รู้หรือไม่ว่า...ความเข้าใจผิดกับชื่อเพลงนี้ของ Katy นี่แหละที่ทำให้เพลงนี้ได้ขึ้น Billboard 7 สัปดาห์รวด และยังขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งใน UK Chart อีกด้วย

       จึงเป็นที่น่าสนใจว่าแทนที่ " I Kiss A Girl " จะเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก แต่ Katy ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า “มันเป็นเพลงที่ศิลปินพูดถึงเพลงที่แต่งขึ้นมาจากความฝัน หรือคิดเนื้อเพลงออกได้กลางดึกนั้นเอง” และเธอยังให้สัมภาษณ์กับ OK Magazine ว่า “เพลงนี้ไม่ได้พูดถึงใครคนใดคนหนึ่งนะ แต่ฉันก็เคยจูบกับผู้หญิง ตอนฉันอายุ 19 จริงๆ มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันหลงรักผู้หญิงคนนั้น เพราะเธอคือเพื่อนของฉันเอง เพื่อนของฉันสวยมาก และฉันก็อยากจะเป็นอย่างเธอ แต่มันก็มีขีดจำกัดของมัน ในเรื่องแบบนี้” 

       ในการให้สัมภาษณ์ของ Katy ในนิตยสาร Steppin Out, Katy เปิดเผยความในใจว่า ตอนที่เธอเห็น Scarlett Johansson ในนิตยสาร เธอให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนั้นฉันมีแฟนหนุ่มอยู่แล้ว แต่ฉันบอกเขาว่า... ฉันจะไม่โกหก: ถ้า Scarlett Johansson เดินเข้าไปในห้อง และอยากสัมผัสฉัน ฉันก็จะเป็นแฟนสาวของเธอ หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ ที่รัก” 

 
 

ซิงเกิ้ลที่ 2 'Teenage Dream'
ได้แรงบันดาลใจจาก Shakespeare

       'Teenage Dream' เป็นเพลงฮิตที่ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงความทรงจำในอดีต เป็นเนื้อเพลงที่เขียนถึงความรักที่ร้อนแรง ที่คั่นด้วย Guitar Riff และห่อหุ่มด้วยเนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ 
 

       เพลงนี้เป็นผลงานของ Bonnie McKee ผู้อยู่เบื้องความสำเร็จของอัลบั้มชุดที่สองและซิงเกิ้ลนี้ของ Katy McKee ได้ให้การสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือ The Sound Machine ว่า Katy ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ "Romeo and Julie"
 
Katy ยังได้กล่าวใน MTV News ว่า... 
 
“มันเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความฝัน จินตนาการ และ ความรู้สึกของวัยหนุ่มสาว”
 
“มันเป็นความรู้สึก ที่ความสุขนั้นได้เอ่อล้นออกมา อย่างบอกไม่ถูก
เพราะทุกคนคงจำความรักในวันหนุ่มสาวกันได้ ว่ารักแรกนั้นเป็นยังไง”



       "Teenage Dream เป็นเพลงที่ผู้จัดและผู้เขียนเพลงนั้นตั้งใจทำกันอย่างละเอียด เพราะมีการแก้เนื้อเพลงถึง 5 ครั้งภายใน 10 วันเท่านั้นเอง

 
ซิงเกิ้ลที่ 3 'Firework'
เพลงที่เกี่ยวกับ "..ความตาย.."

        ถ้าคุณได้ฟังเพลงนี้แล้ว เพลงนี้คล้ายเป็นเพลงที่ให้กำลังใจ และสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้กับผู้ฟัง อย่างคำที่ว่า “อย่าตัดสินคนจากภายนอก” แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะจริงๆแล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่เกี่ยวกับ ความตาย
 
Katy ได้ให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Entertainment Week ว่า... 
 
“เพลงนี้เป็นเพลงที่เธออยากให้เขียนข้อความบนหลุมฝังศพเธอ 
ถ้าเธอตายเธออยากให้ร่างของเธอถูกจัดใส่ในกล่องพลุ
และยิงให้แสงพลุกระจายไปทั่วท้องฟ้าบน Santa Barbara บ้านเกิดของเธอ 
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายในชีวิตของเธอ” 

 
Katy ยังให้สัมภาษณ์กับ Billboard อีกว่า...
 “เธออยากเกิดมาเป็นพลุ หรือดอกไม้ไฟ
เพราะเวลาเกิดไฟของพลุ มันก็มีการดับของตัวมันเอง” 



         นอกจากนั้น Katy ยังกล่าวกับ MTV ว่า “หากจะให้เธอสามารถเลือกเพลงเพื่อร้องบนเวทีได้เพลงนึง เธอจะเลือกเพลงนี้ เพราะมันมีจังหวะที่สามารถเต้นตามได้ และมีข้อความดีๆ ฝากเอาไว้มากมาย”
 
ซิงเกิ้ลที่ 4 'Wide Awake'
บทเพลงกับการหย่าร้างของเธอ

       แรงบันดาลใจที่ Katy ได้เขียนเพลงนี้นั้นมาจากการที่เธอประสบความสำเร็จอย่างสูงในอัลบั้ม "Teenage Dream" พร้อมกับการที่เธอต้องเจอเรื่องหย่าร้างกับหนุ่ม ' Russell Brand ' ในเวลาเดียวกัน
       Katy ได้ให้สัมภาษณ์กับ MTV ว่า “ฉันรอไม่ไหวที่จะพลั่งพลูความรู้สึกพวกนี้ออกมาแล้ว ฉันอยากเขียนเพลงนี้ ตอนนี้”  เธอกล่าวต่อว่า... 

 
“มันเป็นเพลงที่ปลดปล่อยอารมณ์ฟุ้งซ่านของเธอ และมันก็ช่วยได้มาก
เพลงนี้เป็นเพลงที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตฉัน มันเป็นเหมือนการตกลงมาจากที่สูง
เช่นเวลาคุณอยู่บนก้อนเมฆ มันไม่ได้สวยงามตลอดเวลาอย่างที่คุณคิด
และเมื่อคุณตกมาจากฟากฟ้าแล้ว คุณเองต้องเป็นคนที่พยุงตัวคุณขึ้น
เพื่อที่จะเป็นคนใหม่ที่แกร่งกว่าเดิม สำหรับบทเรียนที่ได้มากลายมาเป็นบทเพลงนี้”

 
 

 
ซิงเกิ้ลที่ 5  'Unconditionally'
ได้แรงบันดาลใจมาจากการทัวร์แอฟริกา

เป็นเพลงที่แต่งขึ้นหลังจากที่ Katy ได้ไปมาดากัสการ์ กับองค์การ UNICEF เธอกล่าวไว้ว่า.... 
     
 “เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยสถานะทางสังคม และถูกครอบงำด้วยวัตถุ ฉันว่ามันเยอะไป มันเหนื่อย และก็น่าเบื่อกับอะไรพวกนี้ ฉันเห็นเด็กๆ ในแอฟริกาที่เรียนหนังสือ พวกเขาสดใสมาก และพวกเขาก็แบ่งปันความรักซึ่งกันและกัน เด็กพวกนั้นเขาไม่รู้จักหรอกพวก Twitter Facebook หรือ Social Media แต่พวกเขาก็ยังคงรักซึ่งกันและกันได้ มันเป็นเหมือนความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้ถูกแปดเปื้อนจากกระแสความเป็นไปของโลกสมัยนี้”
     
         Katy ได้ให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly ว่า... “นิยามของเพลงนี้เกี่ยวกับรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักของเธอตอนนี้กับ John Mayer เธอรู้สึกปลอดภัย อบอุ่นเมื่ออยู่กับเขา และคอนเซ็ปของความรักครั้งนี้ก็ออกมาเป็นเพลง” เธอกล่าวต่อ “มันเป็นข้อความที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นข้อความทั่วๆ ไป และธรรมดามาก เวลาคุณเขียนให้กับคนที่คุณรัก ยอมรับในสิ่งที่เป็นซึ่งกันและกัน มันเหมือนกับเวลาที่คุณเมาแล้วขับรถอย่างไม่มีสติ คุณไม่รู้สึกกลัวอะไรทั้งสิ้น ว่ามันจะไปทางไหน หรือชนกับอะไร ทุกคนก็มีเรื่องราวของตัวเอง มันไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง คุณต้องยอมรับ และเข้าใจกับตรงนี้ ที่สำคัญคือความสัมพันธ์รักใคร่ มันจะมีพื้นที่ให้กับรักแท้ ความจริงใจซึ่งกันและกัน”

 
 
ซิงเกิ้ลที่ 6 'Dark Horse'
เพลงที่มีการพูดสองแง่สองง่าม '..เรื่องภูมิศาสตร์..'

 
       'Dark Horse' เป็นเพลงที่ 3 ที่ถูกปล่อยออกมาจากอัลบั้ม Prism และได้รับการโหวตโดยผู้จัด Pepsi ที่เห็นว่าเพลงไหนของ Katy กล่าวถึงความรู้สึกที่ฟินสุดๆ ของเธอ
       ข้อมูลจาก Billboard  Katy ได้รับแรงบันดาลใจจาก 1996 Supernatural Teen Film เรื่อง The Craft และได้กล่าวถึงเพลงนี้ว่า... 


 
       “มันเป็นเพลงที่เอาไว้เตือนผู้ชายคนหนึ่ง ว่าถ้าเขากำลังจะตกหลุมรักเธอ 
เขาต้องแน่ใจ 100% ว่าเขารักเธอจริง เพราะว่าถ้าเขาไม่ได้รักเธอจริง
มันจะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของเขา”

 
       สำหรับ Music Video นั้น Katy อยากได้การผสมผสานระหว่าง 2 รากฐานในแนวคิดต่างๆไว้อยู่ด้วยกัน เช่น การรวมแนวเพลง Hip-hop กับ เพลงอียิปต์โบราณ เข้าไว้ด้วยกัน และเธอก็ตั้งใจที่จะทำให้เพลง และมิวสิควิดีโอให้ออกมาเป็นแบบนั้น 
 

       ณ ตอนนั้น “Dark Horse” เป็นหนึ่งในเพลงของ Katy Perry ที่โด่งดังสุดขีด ตอนนี้ยอดวิวทะลุเกิน 1,000 ล้านวิวไปแล้ว!! และคนไทยก็ชอบเพลงนี้ไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นหนึ่งใน MV ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในต่างประเทศเพลงนี้ถูกวิจารณ์จากคนส่วนใหญ่ว่าบิดเบือนประวัติศาสตร์ ซึ่งใน MV เราจะเห็นว่า Katy Perry อยู่ในแดนอียิปต์เสมือนพระนางคลีโอพัตราแต่จริงแล้วเพลงนี้กลับมีการพูดถึงเทพกรีกซึ่งไม่ได้มีตัวตนอยู่ในอียิปต์อย่าง Aphrodite (แอโฟรไดท์) (จากท่อนที่ร้องว่า Make me your Aphrodite) แถมชุดแต่งกายบางชุดก็เหมือนชาวกรีกซะมากกว่าซึ่งทุกสิ่งล้วนดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับอียิปต์เลย มันโน้มหนักไปทางเทพนิยายกรีกทั้งหมด
 
 

แปล : บิว
เรียบเรียง :  นุ๊ก
ref : http://www.digitalspy.com
Created date : 13-12-2017
Updated date : 13-12-2017
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : Pantae Reporter
บทความโดยทีมงาน พันธุ์แท้.com

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles