[article] เบื้องหลังความสำเร็จ… กว่าจะมาเป็นนักแข่งรถมืออาชีพของต้น มานัต กุละปาลานนท์

 
 
 
ทายาทนักธุรกิจนำเข้ารถยนต์รายใหญ่ของประเทศ สู่การเป็นนักแข่งรถใน Toyota Team Thailand จนได้เป็นแชมป์ ประเทศไทยหลายสมัย พรสวรรค์หรือความมุ่งมั่นที่ทำให้ ต้น มานัต กุละปาลานนท์ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย? วันนี้เรามาทำความรู้จักตัวตน และแนวคิดที่หล่อมากๆของเค้ากันค่ะ
 
 

สวัสดีค่ะ...  วันนี้พิเศษอีกแล้วที่ชิ้งนะคะได้เกียรติจากนักแข่งรถมืออาชีพและแชมป์หลายสมัยจาก Toyota Motorsport มาลองลิ้มชิมรสอาหารฝีมือชิ้งถึงที่บ้านกันเลยทีเดียว วันนี้จึงทำกับข้าวสุดฝีมือเลย เป็นการตอบแทนที่ให้ชิ้งได้รู้จักชีวิตของนักแข่งมากขึ้น ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ผ่านอะไรมาบ้าง จุดเริ่มต้นของเค้าจะเป็นอย่างไรมั่งน้า ตามชิ้งมาเล้ยยย
 

1.      เกิดมาพร้อมรถและความฝัน

ช่วงนี้เสนอคอนเซปต์ Born to be this way เลยเจ้าค่ะ คุณต้นเล่าว่า อยู่กับรถมาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าตกหลุมรักตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เพราะคุณพ่อเล่นรถ ชอบรถ คุณต้นเลยได้รับสืบทอดมาด้วย ต้องบอกว่าธุรกิจที่บ้านคือ ทำเกี่ยวกับรถยนต์ เปิด VM Auto มา 30 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ซึ่งจะเน้นขายรถนำเข้าและรถมือสอง ความฝันแต่เด็กก็เลยอยากโตขึ้นมาทำเกี่ยวกับรถยนต์เหมือนคุณพ่อนี่แหละ

 เพราะต้นคลุกคลีมาตั้งแต่เกิด เห็นมันทุกวัน แล้วก็ชอบด้วย แค่ต้นได้ยินเสียงสตาร์ท ก็พอจะรู้แล้วว่ารถยนต์นี้ยี่ห้ออะไร

…โอ้โห ขนาดนั้น แล้วยิ่งคุณต้นได้รู้ว่าพ่อเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน ก็ยิ่งชอบมาก แล้วต่อมาคุณพ่อก็ให้การสนับสนุนด้วย ทำให้อยากทุ่มเทมาทางด้านนี้เต็มตัว


2.      หลงใหลรถยนต์และความเร็ว

คันแรกที่ได้ขับคือกระบะครับ

คุณต้นขับรถมาตั้งแต่วัยรุ่น เริ่มต้นก็ขอชิมรางด้วยกระบะคันเก๋าของพ่อ ก็ใจมันรักอะนะ ขอให้ได้ขับก็สมใจแล้ว เค้าบอกชิ้งว่าก่อนที่ทุกคนจะมาแข่งรถเนี่ย ส่วนใหญ่ทุกคนก็รักรถเหมือนกับเค้าเนี่ยแหละและจะรู้เรื่องรถมาในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพราะน่าจะมีพื้นฐานเดียวกัน นั่นก็คือหลงใหลในรถยนต์ คุณต้นเลยแนะนำว่าให้นำความรู้เรื่องรถที่มีติดตัวมา มาเรียนรู้เพิ่มเติมในสนามแข่ง

เพราะในสนามแข่งมีกฏ กติกาและเสน่ห์ที่ถนนข้างนอกอาจไม่มี ยิ่งปัจจุบันมีสนามให้ประลองมากมาย เปิดกว้างรับนักแข่งมากกว่าแต่ก่อน แค่เรามีใจรัก อยากให้กล้าลองเข้ามาแข่งดู แค่นั้นก็ได้เริ่มแล้วล่ะ

 หลังจากนั้นอาจจะได้รับประสบการณ์ที่ดีอีกมากมายค่ะ

 
 
3.      โอกาสดี จังหวะมา

เริ่มเข้าวงการขับรถแข่งก็ตั้งแต่ปี 2004 ด้วยจังหวะและโอกาสที่มาพร้อมๆกัน คือตอนนั้นคุณต้นแข่งแล้วได้แชมป์พอดี ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ทางโตโยต้าประกาศรับคนที่ได้รางวัลให้เข้ามาในทีม โป๊ะเชะเลย! เค้าก็เลยได้เข้าทีมตั้งแต่ตอนนั้น หลังจากนั้นก็พัฒนาฝีมือมาเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสนามแข่ง มีโอกาสได้เป็นแชมป์มากมาย จนทำให้เค้ามีโอกาสมาถึงตรงนี้แหละเจ้าค่ะ

4.      Professional Team Work

คุณพ่อนั้นสนับสนุนให้คุณต้นเข้าทีม Toyota จะได้ขับรถอย่างถูกต้อง แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ได้อะไรมากกว่านั้นมากค่ะ คุณต้นบอกว่า

การมาอยู่ทีมที่เป็นมืออาชีพนั้น เป็นโอกาสที่ดีมาก ทำให้เราทำงานอย่างเต็มที่ ทำทุกหน้าที่ให้ดีที่สุด

ซึ่งคุณต้นเนี่ยอยู่ในทีมนักแข่ง Toyota Team Thailand แล้วยังเป็นผู้ฝึกสอน ใน Toyota Racing School และ Racing star team อีกด้วยนะเอ้อ การมาเป็นผู้ฝึกสอนก็ทำให้เค้ายิ่งต้องพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆอีก ส่วนแนวโน้มของทีมนั้นตัวเค้าก็บอกว่า ดีขึ้นเรื่อยๆเลย ทีมประเทศไทยยังดำเนินไปได้ด้วยดีมากค่ะ ให้การสนับสนุนทั้งรถยนต์ที่มีศักยภาพและงบสนับสนุนทีม นอกจากนี้ยังมีการส่งทีมเข้าแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆอีก ล่าสุดก็ส่งไปแข่งที่ประเทศเยอรมันโดยใช้รถรุ่น Altis ทำให้ยิ่งสร้างชื่อให้ประเทศไทยเลยล่ะค่ะ เป็นปลื้มแทนเลย

 

5.      รู้จักตัวเอง พุ่งชนเป้าหมาย

คุณต้นก็เป็นอีกคนที่รู้จักตัวเองเร็ว ทำให้ได้ลองในสิ่งที่ใช่ แล้วก็เดินมาถูกที่ถูกทาง คุณต้นประทับใจทุกครั้งที่ได้ลงแข่งขัน แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่ประทับใจที่สุด

คงเป็นตอนที่ได้แชมป์ประเทศไทยเลย เพราะเป็นสนามแรกที่ได้แชมป์ และเป็นการขับครั้งแรกของต้นด้วย

 ถือว่ายิ่งเป็นการตอกย้ำให้รู้ว่ามาถูกทางแน่ๆค่า

 
 
6.      กายพร้อม ใจพร้อม ทำการบ้านมาดี

คุณต้นบอกว่าอย่างแรกที่ควรใส่ใจเลยคือเรื่องการออกกำลังกาย ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

เพราะเมื่อเวลาเราอยู่ในสนาม สภาวะร่างกายของเราต้องแข็งแรงมาก การใช้แขนขา ตา และอวัยวะทุกส่วนต้องสัมพันธ์กันหมด รวมถึงสมาธิต้องแน่วแน่ เพราะการตัดสินใจจะต้องไววัดกันเป็นเสี้ยววินาที” 

ขนาดนั้นเลยทีเดียวล่ะค่ะ ดังนั้นร่างกายต้องพร้อมมากกกก เค้าเลยต้องแบ่งเวลาทำงาน เวลาซ้อม และเวลาออกกำลังกายให้ดี แต่ก็ต้องออกกำลังกายอย่างระมัดระวังนะจ้ะ ต้องเลือกชนิดกีฬาให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องเจ็บป่วยก่อนเข้าแข่ง และอีกอย่างนะ ก่อนคุณต้นจะแข่งก็ต้องนั่งสมาธิด้วย เพื่อให้ตัวเองมีสติมากที่สุด ใจต้องพร้อมไม่วอกแวก ไม่ตื่นตระหนก อีกอย่างหนึ่งคือต้องจิบน้ำ…

ชิ้งก็สงสัยนะว่าทำไม ก็เพราะเวลาลงแข่ง ต้องอยู่ในรถนานพอสมควรเลยค่ะ บางทีก็ 45 นาที หรือบางทีเป็นชั่วโมง เชื่อมั้ยว่าหลังแข่ง น้ำหนักจะหายไปเป็นกิโล หมายความว่าทุกคนจะขาดน้ำค่ะ เราจึงต้องทำให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอก่อนแข่งทุกครั้งไงคะ ไม่ยักจะรู้ว่าก็มีรายละเอียดจุกจิกนะเนี่ย… ต่อมา นอกจากนั้นก็ควรต้องวาดแผนที่สนามแข่งในหัวให้แม่นๆเลย (หมายถึงจำให้แม่นๆค่ะ) แล้วออกแบบการขับไว้ก่อน ว่าเราจะเลี้ยวตรงไหน จะเร่งตรงไหน สรุปคือเราต้องทำการบ้านมาอย่างดีนั่นเอง …โห ชักยากตรงจำเนี่ยแหละ

 

7.      สปิริตนักกีฬา

เมื่อเริ่มเข้าวงการแข่งรถนี่แหล่ะคือจุดหักเหของคุณต้นเลย เค้าเล่าเหตุการณ์หนึ่งให้ฟังว่า ตอนอายุ 25 ปี เจออุบัติเหตุหนักในสนาม ทำให้รถเสียหายยับเยิน ซึ่งตอนนั้นคิดว่า จะแข่งต่อตามรอบไม่ทันแน่ๆ แต่คุณพ่อเชื่อในสปิริตนักกีฬา ให้เค้ารีบเอารถเข้าอู่ แล้วให้เจ้าตัวยืนกำกับเองเพื่อให้ลงแข่งอีกวันได้ทัน… แล้วก็ทันจริงๆแถมชนะอีกด้วยล่ะ เหตุการณ์นั้นทำให้เค้าได้เรียนรู้ว่า

บางครั้งการได้ออกสตาร์ทหลังสุดก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ชนะ

มันอยู่ที่สปิริตของเรานั่นเอง!! ถ้าเราเชื่อว่าได้ เราก็ทำได้ ซึ่งคุณต้นคิดแบบนั้นค่ะ แล้วมักจะชนะด้วยค่า สุดยอดเลยนะ นับถือคุณพ่อเลย

 

 
8.      หมั่นศึกษาและแก้ไขข้อผิดพลาด

ต้องพูดว่าคุณต้นเค้าศึกษาตลอดเวลามากกว่า ทั้งในฐานะนักธุรกิจ และนักแข่งรถ เลยต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะจะมีอะไรใหม่ๆมาเรื่อยๆ ก็ต้องศึกษาเรื่อยๆเช่นกัน อีกอย่างนึงคุณต้นก็เล่าว่าเคยแพ้มาบ่อยเช่นกันค่ะ

แต่ผมก็ไม่เคยออกมาหงุดหงิดเลยนะ ไม่เคยอารมณ์เสีย และทุกครั้งก็จะนำสิ่งที่ผิดพลาดมาคิดแล้วแก้ไขในครั้งถัดไปเสมอ
เวลาซ้อมคุณต้นจะตั้งโจทย์เพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยทำพลาดไปค่ะ การซ้อมถึงจะได้ประสิทธิผลและเป็นประโยชน์ค่ะ โหๆ อันนี้เห็นด้วยเลยล่ะๆ เป็นข้อคิดที่ดีมากๆเลยค่ะ
 
เอาล่ะค่ะ หมดแล้ววว และนี่คือข้อคิดส่วนหนึ่งจากประสบการณ์อันยาวนานเกือบ 10 ปี ในสนามแข่ง ที่ชิ้งหยิบจับมาได้จากการได้สัมภาษณ์สุดเอ็กคลูซีฟครั้งนี้แหละค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ …การนำข้อคิดดีๆของผู้อื่นมาพัฒนาตัวเองต่อถือเป็นยอดคนค่ะ อิอิ … ชิ้งก็ต้องขอบคุณคุณต้น มานัต มา ณ ที่นี้นะคะ ที่เสียสละเวลามาเล่าสู่กันฟัง ได้เปิดมุมมองทัศนคติชิ้งขึ้นอีกเยอะ ขอบคุณมากๆเล้ยยย 

 
…ชิ้งก็ขอจบบทความพิเศษๆไว้เท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันค้า

Created date : 13-01-2016
Updated date : 13-01-2016
กดติดตามกัน เพื่อรับเรื่องราวดีๆ
Post by : ChingCanCook

- Goto Top -
Lastest Update
 
Other Articles